คุณยายวัย 61  ปีเสียชีวิตจากการต้มสมุนไพรอบตัว 

   เสียชีวิตจากการต้มสมุนไพรอบตัว  เมื่อวันที่ 4 เดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจขอสถานีตำรวจในจังหวัดชลบุรีได้รับแจ้งเหตุมีหญิงชราวัย 61 ปีเสียชีวิตภายในบ้านพักเมื่อเดินทางไปถึงก็พบผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพที่ใบหน้าฟุ๊บอยู่ตรงบริเวณที่ต้มหม้อสมุนไพรในขณะที่ตัวนั้นนั่งอยู่กับพื้นนอกจากนี้ตามร่างกายยังพบรอยไหม้และมีรอยพุพองซึ่งเกิดขึ้นทั้งบริเวณใบหน้าและหัวไหล่ทั้งสองข้างรวมถึงที่หน้าอกด้วย 

         จากการให้ข้อมูลของสามีของผู้เสียชีวิต  ได้ความว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 เดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณ 6:00 น  

ผู้เสียชีวิตได้มีการนำสมุนไพรมาทำการต้มเพื่อต้องการที่จะอบตัวโดยได้มีการนำมาต้มไว้กับเตาถ่านหลังจากนั้นก็นำผ้าห่มขนาดใหญ่เอามาคลุมตัวและคลุมหัวเอาไว้ซึ่งทางด้านตัวสามีเองได้มีการเตือนภรรยาแล้วว่าไม่ควรจะทำเพราะอากาศจะไม่ถ่ายเทและอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแต่ทางผู้เสียชีวิตไม่สนใจคำเตือนส่วนทางด้านสามีเองก็เห็นว่าทางภรรยานะร่างกายแข็งแรงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงปล่อยให้ภรรยาอบตัวไปและตัวเขาเองก็ออกไปทำธุระนอกบ้าน 

       จนช่วงประมาณ 9:00 น จึงได้กลับมาในบ้านก็เห็นว่าภรรยาล้มฟุบใบหน้าคว่ำอยู่ตรงบริเวณหม้อต้มสมุนไพรแล้ว

เมื่อจับตัวดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้วจึงได้มีการประสานงานแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรก็ตามทั้งสามีของผู้เสียชีวิตระบุว่าตัวเขาเพิ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 4 คิดว่าจะนำเงินดังกล่าวเก็บเอาไว้ใช้กันสองคนตายายแต่ปรากฏว่าต้องนำเงินดังกล่าวนั้นมาใช้ในการจัดงานศพให้กับภรรยาแทน 

        ภายหลังจากที่มีข่าวว่าคุณยายวัย 61 ปีเสียชีวิตจากการต้มสมุนไพรอบตัวก็ทำให้มีการพูดถึงเรื่องนี้กันเป็นอย่างมากซึ่งใน Facebook ของแพทย์แผนไทย

ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกันโดยทางเพจระบุว่าสมุนไพรไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่สาเหตุที่ทำให้คุณยายวัย 61 ปีเสียชีวิตนั้นมาจากที่คุณยายทำการอบสมุนไพรไม่ถูกวิธี

      เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าการจุดเตาอังโล่นั้นจะมีควันเกิดขึ้นและถ้าหากเอาผ้าไปคุมจนไม่มีอากาศถ่ายเทก็จะทำให้ควันลอยวนอยู่ภายในผ้าและเมื่อคนเข้าไปอยู่ในผ้าและสูดดมเข้าไปก็จะทำให้สูดดม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเนื่องจากว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นจะออกมาจากควันที่มีการจุดเตาไฟนั่นเอง

       ซึ่งเรื่องนี้สามารถเปรียบได้กับการที่ข่าวคนฆ่าตัวตายด้วยการนำเตาไปจุดให้เกิดควันแล้วนำไปไว้ในรถเป็นการรมควันตนเองจนเสียชีวิตซึ่งกรณีนี้ก็   อย่างไรก็ตามสำหรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นเป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ซึ่งถือว่ามีพิษ  ถ้าหากว่ามีการสูบลมเข้าไปก็จะทำให้รู้สึกเพลียและอาจจะเกิดอันตรายจนถึงแก่ความตายได้ 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.  UFABET เว็บหลัก

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn