มีการเปิดเผยออกมาจากสำนักข่าวไทยพีบีเอส  เกี่ยวกับกรณีของหญิงชราคนหนึ่งอายุ 84 ปีซึ่งหญิงชราคนดังกล่าวนั้นเคยเป็นอาจารย์ที่สอนอยู่มหาวิทยาลัยจุฬาฯโดยสารอยู่ในคณะอักษรศาสตร์แต่ว่าปัจจุบันนี้เกษียณอายุและอยู่ที่บ้านแล้ว

เนื่องจากว่าชราภาพมากและมีอาการหลงลืมลืม  โดยครอบครัวของหญิงชรานั้นได้ออกมาทำการฟ้องร้องหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่านางสาววีณาในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกเงินของหญิงชราวัย 84 ปี

     เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นโดยหญิงชราวัย 84 ปีนั้นได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าในช่วงประมาณปีพศ2563 นั้นเธอได้รู้จักกับนางสาววีณาจากการที่เธอไปออกกำลังกายที่สนามเทนนิสแห่งหนึ่งโดยนางสาววีณาได้พยายามเข้ามาตีสนิทและบอกว่าตนเองนั้นทำงานเกี่ยวกับเครื่องประดับเป็นเจ้าของธุรกิจโดยมีร้านอยู่แถวบริเวณถนนวิทยุ

         ซึ่งระหว่างที่นางสาววีณาเข้ามาพูดคุยกับหญิงชรานั้นก็ประพฤติตัวดีตลอดอาสาดูแลทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่หญิงชราต้องสูญเสียสามีไปนางสาววีณาก็มาเป็นธุระจัดการให้นอกจากนี้หลานสาวที่ดูแลหญิงชราก็เสียชีวิตลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ทำให้หญิงชราไม่มีคนดูแลจนเป็นสาเหตุให้นางสาววีณาเข้ามาดูแลแบบเต็มตัวพาไปโรงพยาบาลระหว่างนี้เองที่นางสาววีณาได้มีการยักยอกแอบนำสมุดบัญชีในกระเป๋าของหญิงชราไปโดยหญิงชราล่ะว่าช่วงที่มีการไปโรงพยาบาลเพราะต้องรักษาอาการป่วยซึมเศร้า

         เมื่อคุณหมอให้ยาเธอจะมีอาการเบลอหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลนางสาววีณามักจะพาเธอไปที่ธนาคารหลังจากนั้นนางสาววีณาก็ทำการติดต่อกับทางธนาคารและมีการนำเอกสารมาให้เธอเซ็นซึ่งเธอนั้นไม่รู้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นอะไรเพราะเธออยู่ในช่วงของการเบอร์ยาแต่ภายหลังนั้นญาติๆของเธอรู้สึกสงสัยกับพฤติกรรมของนางสาววีณานอกจากนี้ตัวเธอเองนั้น

        หลังจากที่อาการดีขึ้นก็งดยาและเมื่อมาค้นหาบัญชีธนาคารของตนเองก็พบว่าหายไปจึงได้ให้หลานสาวอีกคนหนึ่งไปทำการตรวจสอบด้วยหลานสาวติดต่อทางธนาคารและขอคัดรายละเอียดของยอดบัญชีเงินเข้าเงินออกซึ่งทำให้พบว่าตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมปีพศ 2564 นั้นบัญชีของหญิงชราถูกโอนเงินจำนวนหลายล้านบาทไปยังบัญชีของนางสาววีณาซึ่งโดยรวมแล้วมีการโอนเงินจากบัญชีของหญิงชราไปทั้งหมด 4 ครั้งด้วยกันเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 21.8 ล้านบาท

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่ครอบครัวของหญิงชราได้มีการเรียกนางสาววีณามาพูดคุยปรากฏว่านางสาววีณาพยายามบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมมาเจอนอกจากนี้เมื่อมีการให้ทนายความติดต่อไปนางสาววีณากับบอกว่ายอดเงินทั้งหมดที่หญิงชราโอนมา เธอนั้นเป็นการโอนมาให้ด้วยความเสน่หาและเธอจะไม่มีการโอนเงินคืนกลับไปอย่างแน่นอนโดยเธอจะเอาเงินทั้งหมดนี้ไปทำบุญ

        ซึ่งทั้งครอบครัวของหญิงชราและตัวหญิงชราเองยืนยันว่านี่คือการยักยอกทรัพย์โดยที่หญิงชราไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้มีการยินยอมที่จะมีการโอนเงินให้เนื่องจากว่าหญิงชรานั้นกระทำการโดยที่ไม่รู้ตัวเพราะว่ากินยาต้านเศร้าไปนั่นเองซึ่งทางด้านทนายความได้มีการแจ้งข้อหากับนางสาววีณาแล้วหลายคดีด้วยกันทั้งในเรื่องของการฉ้อโกงและการลักทรัพย์ 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    ufabet เว็บแม่