สั่งปิดมหาวิทยาลัย จากเหตุการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยเรื่อย เนื่องจากมีคนไทยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้กันมากขึ้น จึงทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งพื้นที่ที่มักจะมีประชากรอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น มักจะเป็นจุดเสี่ยงของติดแพร่เชื้อไวรัส และวันนี้ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็ได้ออกมาประกาศขอปิดสถานศึกษาถึง  14 วัน

เนื่องจาก ทางมหาวิทยาลัย มีการตรวจสอบพบว่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในสถานศึกษา จึงจำเป็นต้องที่สั่งกักตัวนักศึกษาที่เข้าค่ายติดเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าว รวมถึงเพื่อนคนไหน และอาจารย์คนไหนที่ใกล้ชิดกับนักศึกษาคนที่อยู่ในข่ายที่จะติดเชื้อให้ทำการกักตัวเองอยู่แต่ที่บ้านทันที

  และเนื่องจากทางมหาวิทยาลัยตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า จึงได้สั่งให้มหาวิทยาลัยมีการปิดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษาโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 เดือนมีนาคม  ยาวไปจนถึงวันที่ 27 เดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2563 และในระหว่างนี้ทางมหาวิทยาลัยก็จะมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามอาคารเรียนต่างต่างและทำความสะอาดอาคารเรียนและสถานศึกษาทุกจุดให้เรียบร้อย

ก่อนที่จะเปิดให้นักศึกษาเข้ามาเรียนตามปกติ และระหว่างที่มีการปิดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยนี้จะยังมีช่องทางการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์เปิดสอนนักศึกษาอยู่เช่นกัน หากสนใจก็เข้าไปเรียนได้  และสำหรับบุคลากรคนอื่นอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนักศึกษาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อวไวรัสโควิด-19 ก็ยังคงให้กลับมาทำงานที่มหาวิทยาลัยตามปกติ

              สำหรับเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้กำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือกันในการป้องกันการแพร่ระบาดซึ่งวิธีการที่ง่ายที่สุดคือ หากเราไปใกล้ชิดกับคนที่อยู่กลุ่มเสี่ยงที่จะติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เราจำเป็นต้องกักตัวเองให้อยู่แต่ในบ้านสักประมาณ 14 วันเพื่อรอดูอาการ แต่หากเรามีไข้สูง ไอ จาม ปวดเมื่อยเนื้อตัว

เราควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจรักษาเพื่อหาสาเหตุว่าเรามีเชื้อไวรัสหรือไม่ ถ้ามีจะได้รีบรักษาและจะได้บอกต่อกับคนที่ใกล้ชิดกับเราใน ช่วง 14 วันให้เข้าไปตรวจหาเชื้อและทำการกักตัวเอง ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ แต่ที่ตอนนี้ยังมีการแพร่ระบาดอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะว่ามีบางคนที่เห็นแก่ตัว ไม่ยอมกักตัวเองทั้งที่รู้ว่าตัวเองคือคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้า Ufabet168

            เสี่ยชาติเสี่ยสวนปาล์ม จากกรณีการเสียชีวิตของนักธุรกิจคนดังจังหวัดตรังซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนปาล์มและยังทำธุรกิจอีกหลายอย่างด้วยกันซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเป็นการรับซื้อยางพาราโดยเสียชาติจะมีการขับรถเข้าไปรับซื้อยางพาราถึงสวนปาล์มของลูกค้าด้วยตนเองโดยมีรายงานข่าวเข้ามาว่าตอนนี้เสียชาติเจ้าของสวนปาล์มเสียชีวิตขณะที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับครอบครัว  ทำให้เสี่ยสวนปาร์มเสียชีวิตคาที่ต่อหนาต่อต่อคนในครอบครัว และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงก็พบว่าเสี่ยชาติถูกยิงรวมกันทั้งสิ้นที่ลำตัว 9 นัดจึงทำให้เสี่ยชาติถึงแก่ความตาย 

           ล่าสุดทางรองผู้การชุดสืบสวน ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดียิงเสี่ยชาติมาประชุมร่วมกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และมีการออกหมายค้นบ้านต้องสงสัยและทำการยึดอาวุธปืนมาหนึ่งกระบอกซึ่งเมื่อเอาปืนดังกล่าวมาตรวจสอบพบว่าเป็นดังกล่าวเป็นพื้นที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 

            ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปในพื้นที่ และได้พูดคุยกับคุณฉลองซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิต  ซึ่งคุณฉลองได้เล่าให้นักข่าวฟังว่าเสี่ยชาติ มีธุรกิจเยอะมาก   และธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติมากที่สุดก็คือธุรกิจซื้อขายปาล์มน้ำมัน โดยตั้งแต่เสี่ยชาติมีการเปิดธุรกิจซื้อขายปาล์มน้ำมันมาเป็นระยะเวลา 1 ปีก็มีแต่กำไรไม่เคยมีการขาดทุนเลยสักครั้ง

ซึ่งพ่อของผู้ตายมีความสงสัยว่าสาเหตุการตายของลูกชายอาจจะมาจากการที่ลูกชายเปิดรับธุรกิจซื้อขายปาล์มน้ำมันเพราะเนื่องจากว่าตั้งแต่ลูกชายเปิดธุรกิจนี้มาชาวบ้านต่างก็พากันมาขายปลาให้กับผู้ชายจนเจ้าของธุรกิจปั๊มน้ำมันคนอื่นไม่ค่อยมีใครเอาของไปขายซึ่งอาจจะสร้างความขัดแย้งมาจากจุดนี้ เพราะคนร้ายอาจจะหมั่นไส้ที่เสียชาติได้กำไรมากกว่า พ่อของผู้ชายเล่าให้ฟังว่าในคืนวันเกิดเหตุขณะที่นั่งกินข้าวกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันคนร้ายได้ใส่เสื้อสีฟ้าสวยไอ้โม่ง

เดินเข้ามายืนห่างจากจุดที่ทั้งหมดนั่งกินข้าวกันแค่ประมาณ 20 เมตรแล้วก็ยิงเข้ามาเสียชาติต่อหน้าต่อตาลูกและเมียของเสียชาติเลยทำให้ตอนนี้เมียเสียชาติยังไม่ยอมพูดเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวเนื่องจากช็อคจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งพ่อของเสียชาติต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้

เพราะลูกของเขาเป็นคนดีไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน จากที่นักขาวลงพื้นที่ทุกคนต่างก็พูดเหมือนกันว่า เสี่ยชาติเป็นคนดีและรับซื้อปาล์มให้ราคาสูงชาวบ้านชอบมาขายปาล์มให้กับเสียชาติเพราะบางครั้งไม่มีรถมาส่งแต่เสี่ยชาติก็จะเอารถออกไปรับปาล์มเองดังนั้นหลายคนจึงลงความเห็นกันว่าคนร้ายน่าจะมีปัญหามาจากปมเรื่องธุรกิจถึงได้เข้ามายิงเสียชาติถึงที่บ้าน 

 

 

สนับสนุนโดย   UFABET เว็บตรง

เกลียดโครงการ ชิม ช้อป ใช้

เกลียดโครงการ ชิม ช้อป ใช้ มีการเปิดโครงการมา 2 ครั้งแล้ว และตอนนี้มีข่าวว่าโครงการเฟส 3 จะเริ่ม 14-15 พฤศจิกายน 2562 นี้ อยากถามว่า จริงๆแล้วโครงการนี้ใครได้ผลประโยชน์ ในการที่ออกมาแถลงว่าโครงการนี้เป็นการส่งเสริมการใช้งาน การท่องเที่ยว ร้านค้าจะมีรายได้  เอาเข้าจริงๆ จากที่ติดตามข่าวมา เห็นมา คนที่ได้ประโยชน์จริงๆคือกลุ่มคนที่เป็นเจ้าของห้างร้านขนาดใหญ่ที่ได้ผลประโยชน์จากโครงการนี้ ร้านค้าเล็กๆ ไม่ได้อะไรเลย  ถ้าดูจากปัญหาของโครงการนี้คือมีปัญหาตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียนเลย เพราะโครงการออกมาเพื่อช่วยเหลือคนจน แต่เงื่อนไขในการลงทะเบียนคือ มือถือต้องใช้อินเตอร์เน็ตได้

 ต้องมีการสแกนหน้าที่มือถือ นั่นหมายถึงว่า คนจนจริงๆจะร่วมโครงการนี้ไม่ได้ เพราะคนจนไม่มีปัญญาซื้อมือถือ คนจนใช้มือถือแค่โทรเข้าโทรออก ไม่เล่นอินเตอร์เน็ต มือถือคนจนจะไม่รองรับอินเตอร์เน็ต  ถ้ามีเงินสามารถซื้อมือถือรุ่นใหม่ๆได้จะรียกว่าจนได้อย่างไร 

ข้อต่อมาคือเฟส 3 นี่ทำมาเพื่อรองรับคนแก่ให้เข้ามาร่วมโครงการด้วย อยากถามคนคิดโครงการเฟสนี้จังว่า คนแก่ที่จนคนไหนเล่นมือถือเป็น คนต่างจังหวัดใช้มือถือทำแบบนี้ไม่เป็นหรอก ยิ่งต้องมามีลงทะเบียนให้ยุ่งยากไม่มีใครอยากทำหรอก และถึงแม้จะบอกว่าให้ลูกหลานทำให้ คนแก่ต่างจังหวัดไม่ค่อยได้อยู่กับลูกหลานหรอกค่ะ ดังนั้นโครงการนี้ออกมาไม่ได้เอื้อผลประโยชน์ให้คนจนเลย แต่กลับเป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนมาผลาญเล่นไปวันๆมากกว่า

ในครั้งแรกที่เปิดโครงการ เคยเห็นผู้คนที่เขาลงทะเบียนแล้วมาใช้สิทธิ์ส่วนใหญ่ทุกคนเดินเข้าห้างแล้วซื้อของในห้างกลับบ้าน ไม่มีใครที่จะนำเงิน 1000 บาท ที่รัฐบาลมอบให้นำออกไปเที่ยวตามความต้องการของโครงการนี้เลย ถือได้ว่าโครงการนี้ล้มเหลวมาก ไม่ตรงกับที่ตั้งใจทำโครงการนี้ขึ้นมา

แต่ก็ไม่เข้าใจว่าจะยังมีเฟส 2 เฟส 3 ตามมาอีกทำไมทั้งที่ในโซเชียวรวมถึงนักวิชากรร ต่างก็พากันวิจารณ์ให้เห็นข้อเสียของโครงการนี้มากมาย เพราะเล็งเห็นแล้วว่าเป็นการแจงเงินให้คนใช้ มีใครบ้างที่ไม่ชอบเงินฟรี แต่การช่วยเหลือประชาชนจริงๆ ควรนำภาษีของประชาชนไปทำประโยชน์ให้ได้มากกว่านี้จะดีกว่า

โครงการดีๆมากมายที่ควรออก เช่นโครงการลดหย่อนภาษี ซึ่งแทนที่จะมานั่งจำกัดสินค้าที่สามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้ ควรเปิดกว้างในการซื้อของทุกอย่างแล้วเอามาลดภาษีได้ดีกว่า เพราะคนที่เสียภาษียังรู้สึกดีได้มากกว่าว่า เราทำงานเสียภาษีให้กับประเทศ สิ้นปีเรายังได้รับการดูแล ช่วยเหลือกลับมาบ้าง ดีกว่าเอาเงินภาษีของเราที่เราเสียให้ประเทศ ไปแจกจ่ายให้ใช้ฟรีๆ กับบางคนที่ไม่ได้เสียภาษีเลย เกลียดโครงการ ชิม ช้อป ใช้ จริงๆ

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง

 เด็ก3ขวบดับคาอกแม่ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและสะเทือนใจยิ่งนักที่มีการพบศพ 3 คนพ่อแม่ลูกตายอยู่ด้วยกัน ซึ่งตัวลูกชายอายุเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นาย จักรพันธ์ ทหารคลั่งกราดยิงคนไปทั่วเมืองนั้น ล่าสุดได้มาที่ terminal 21 และได้กราดยิงคนทั้งด้านนอกและด้านใน  terminal 21 ซึ่งทำให้มีทั้งทหาร ตำรวจและประชาชนเป็นจำนวนมากที่ต้องมาเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารต้องใช้เวลาในหลายชั่วโมงจากบ่ายอีกวันจนมาถึงช่วงเช้าของอีกวันจึงสามารถจัดการกับทหารคลั่งรายนี้ได้  ซึ่งเมื่อมีการจัดการเก็บทหารคลั่งได้เรียบร้อยแล้ว

ทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจก็ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ และทำให้เจอภาพที่สะเทือนเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่ามีครอบครัวหนึ่งที่เสียชีวิตทั้งครอบครัว นั่นก็คือ พ่อ แม่และลูกซึ่งลูกชายน้อยนั้น อายุแค่เพียง 3 ขวบเท่านั้นเอง โดยเหตุการณ์นี้มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดจะพบว่า ทั้งสามคนเดินทางที่ห้าง terminal 21 เพื่อซื้อของและในจังหวะที่ทหารคลั่งได้บุกเข้ามาข้างในห้างพร้อมกันกราดยิงผู้คนไปด้วยนั้น

ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้พากันไปหาที่ซ่อนตัวได้แล้ว แต่ในที่สุดทหารคลั่งก็สามารถหาที่ซ่อนของทั้งสามคนพบจนได้เนื่องจากว่าเด็กชายร้องไห้ออกมาเพราะความกลัว ดังนั้นทหารคลั่งจึงได้เดินเข้ามาสังหารทั้ง 3 คนทันทีซึ่งสภาพศพที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพบนั้น เด็กชายยังนอนตายคาอ้อมกอดของมารดาอยู่เลย  เป็นภาพที่เศร้าใจและสะเทือนใจต่อใครทุกคนที่พบเห็นภาพนี้กันเป็นอย่างมาก

   จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญประชาชนทั้งประเทศในครั้งนี้ เราได้สูญเสียพี่น้องชาวโคราชไปทั้งสิ้นรวม 30 คนและบาดเจ็บอีก 58 คนซึ่งเป็นยอดที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เหตุการณ์ในครั้งนี้คงจะยังเป็นที่จดจำของประชาชนชาวไทยทุกคนไปอีกนาน ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงแล้วมาจากเรื่องเงินเพียง 50000 บาทเท่านั้นและเป็นการขัดผลประโยชน์กันภายในกลุ่มคนไม่กี่คนแต่กลับต้องให้คนที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วย

ต้องมาเสียชีวิตลงไปเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งถึงแม้ตัวฆาตกรจะถูกจัดการเรียบร้อยไปแล้วแต่ร่องรอยของความสูญเสียยังคงมีอยู่ และจะยังคงฝังใจพวกเราคนไทยไปอีกหลายปีทีเดียวยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวของผู้ทีเสียชีวิตจะมีชีวิตอยู่กันต่อไปเช่นไร ทางรัฐบาลอาจจะต้องให้หน่วยงานสุขภาพจิตลงมาดูแลด้านสภาพจิตใจให้กับประชาชน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  holiday palace