โจรหื่นบุกอาละวาด ประชุมครั้งที่ผ่านมาของวันที่ 10 เดือนเมษายนปี .พศ. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายบุกเข้ามาบ้านที่อยู่อาศัยของคนในชุมชนแห่งหนึ่งในเขตตำบลพิมลราชหวังจะข่มขืนหญิงชราอายุประมาณ 65 ปีชื่อว่านางประจวบโดยเบื้องต้นทางประจวบได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนร้ายได้เอาทรัพย์สินไปด้วยและทำร้ายร่างกาย

โดยบุกเข้ามาทำลายเมื่อช่วงเวลาประมาณ 2:00 นของคืนวันที่ 10 เดือนเมษายน ประจวบเล่าเหตุการณ์ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าได้ขึ้นวันเกิดเหตุนั้นนำประจวบได้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวคนเดียวซึ่งปกติแล้วจะมีลูกๆ อยู่อาศัยด้วยแต่เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ลูกๆอยู่ต่างจังหวัดและติดประกาศเรื่องของการกักตัวไม่ให้เดินทางกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ

ทำให้ลูกไม่สามารถเข้ามาอยู่ด้วยกันในช่วงนี้ได้โดยนางประจวบเล่าว่า เมื่อคืนขณะที่นอนหลับอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านซึ่งดูนาฬิกาแล้วน่าจะช่วงเวลาประมาณ 02:00 น. นางประจวบได้ยินเสียงคล้ายๆคนเปิดประตูจึงทำให้น้ำกระจกรู้สึกตัวและเมื่อมองดูดีๆก็เห็นว่ามีคนรูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาภายในบริเวณบ้านพอคนร้ายเห็นว่านางประจวบตื่นคนร้ายก็ตรงเข้ามาต่อยและทำร้ายร่างกายจนนางประจวบ- ล้มลงไปกับพื้นหลังจากที่ปล่อยเรียบร้อยแล้วคนร้ายก็กระชาก

  ชุดที่นางประจวบใส่อยู่ เชื่อว่าคนร้ายน่าหวังจะข่มขืนนางประจวบจึงได้ยกมือไหว้ขอร้องคนร้ายไม่ให้ทำหลังจากนั้นคนร้ายก็เปลี่ยนไปเลยบอกนางประจวบว่าห้ามส่งเสียงดังอีกทั้งยังให้นางประจวบไปทำการเอาเงินสดมาให้  ทำให้นางประจวบเงินที่มีอยู่ในกระเป๋าเป็นเงินทั้งหมด 7,000 บาทส่งให้กับคนร้ายหลังจากคนร้ายได้เงินไปเรียบร้อยแล้ว

ก็หลบหนีไปหลังจากนั้นนางประจวบจึงรอให้เช้าแล้วจึงเดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำการแจ้งความโดยนางประจวบได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าต้องการให้ช่วยตามจับคนร้ายอย่างเร่งด่วนเนื่องจากตอนนี้ตนเองอยู่ที่บ้านคนเดียวไม่มีลูกๆคอยอยู่ด้วยและดูเหมือนว่าคนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของคนภายในบ้านเป็นอย่างดีและรู้ด้วยว่าตอนนี้เธออยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวคนเดียวจึงได้บุกเข้ามาทำร้าย

ซึ่งเธอกลัวว่าหากปล่อยทิ้งไว้แล้วยังไม่มีการตามจับส่งตัวคนร้ายมาลงโทษคนร้ายอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเธออีกครั้งหนึ่งก็ได้ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้  ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนร้ายชุกชุมมากเพราะต่างก็ไม่มีงานทำกันเยอะ 

 

 

ขอขอบคุณ    ีดฟิำะ   ที่ให้การสนับสนุน

    สามียิงภรรยา ที่จังหวัดระยอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีสามี – ภรรยาคู่หนึ่งก่อเหตุฆ่ากันตาย โดยเมื่อทางเจ้าหน้าทีเดินทางไปถึงพบว่าทั้งคู่เสียชีวิตอยู่ใกล้ใกล้กัน โดยลักษณะของศพนั้นฝ่ายหญิงจะนอนอยู่บนตักฝ่ายชายโดยมีการถูกยิงแถวบริเวณหน้าอกส่วนฝ่ายชายนั้นนอนล้มอยู่ใกล้ๆกับฝ่ายหญิงโดยมีลักษณะของบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงที่ศีรษะซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าฝ่ายชายน่าจะยิงฝ่ายหญิงก่อนหลัง

จากนั้นก็ฆ่าตัวตายตาม และสำหรับข่าวในครั้งนี้ทางผู้สื่อข่าวได้ลงไปสอบถามกับเพื่อนบ้านของสามี – ภรรยาคู่นี้ โดยถามเพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่าปกติแล้วฝ่ายสามีเป็นคนดีมากขยันทำมาหากินและรักภรรยาดีทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 1 คนแต่เมื่อไม่นานมานี้ทางฝั่งพัทยาได้มีการมาขอร้องฝ่ายสามีว่าขอแยกทางกันและภรรยาต้องการที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น

ซึ่งเพื่อนบ้านได้ตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุนี้หรือไม่ที่เป็นเหตุผลที่ทำให้สามีต้องยิงภรรยาถึงเสียชีวิตและฆ่าตัวเองตายตาม ได้ยังมีเพื่อนได้อีกหนึ่งคนที่ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่าตัวเองรู้จักทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่เสียชีวิตโดยฝ่ายชายไม่เคยมาปล่อยให้ฟังว่าฝ่ายหญิงต้องการที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นเลยแยกกันอยู่ชั่วคราวก่อน

แต่ฝ่ายชายเกิดระแวงว่าฝ่ายหญิงจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วไม่ยอมกลับมาอยู่กับตนเองอีก ซึ่งฝ่ายชายยังเคยเปรยขึ้นมาว่าถ้าหากฝ่ายหญิงย้ายออกไปแล้วไม่ย้ายกลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้งคนเองอาจจะต้องตายแน่ๆซึ่งทำเพื่อนก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นการพูดระบายความในใจออกไปเท่านั้น แต่อยู่อยู่ในช่วงกลางคืนตอนประมาณสองทุ่มครึ่งกลับได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด 

ซึ่งคาดว่าฝ่ายชายน่าจะยิงภรรยาเสียชีวิตแล้วหลังจากที่ปืนนัดแรกดังไปไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 2 นัดซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ฝ่ายชายยิงตนเองจนเสียชีวิตเลยเพื่อนบ้านคนดังกล่าวบอกว่าโดยปกติแล้วไม่เคยเห็นฝ่ายชายพกปืนแต่ก็ไม่ทราบว่าฝ่ายชายไปเอาปืนมาจากที่ไหน ถ้านักข่าวยังไปเจอเพื่อนของผู้ก่อเหตุทั้งคู่อีกคนหนึ่ง

ซึ่งคนนี้อยู่ในเหตุการณ์ขนาดที่ฝ่ายชายยิงฝ่ายหญิงด้วยโดยเธอได้เล่าว่าเมื่อคืนเธอได้ไปกินส้มตำที่บ้านของคนทั้งคู่ซึ่งขณะที่กินส้มตำกันอยู่นั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าทั้งสามีและภรรยาคู่นี้จะทะเลาะกันเลยในระหว่างที่นั่งกินส้มตำกันอยู่นั้นอยู่ฝ่ายชายก็พูดขึ้นมาว่าส้มตำไม่อร่อยหลังจากนั้นก็ชักปืนออกมาแล้วยิงไปที่ภรรยาของตนเองทันทีและเมื่อภรรยาของตัวเองล้มลงฝ่ายชายก็น่าจะสำนึกผิดเพราะได้วิ่งเข้าไปกอดภรรยาของตนเองแล้วร้องไห้หลังจากนั้นก็ก่อเหตุนำปืนออกมายิงตนเองจนเสียชีวิตไปตามภรรยาไป 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   เวปยูฟ่าเบท

โควิด-19 มีเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่งที่เพื่อนบ้านทนไม่ไหวถึงขนาดต้องถ่ายรูปและอัดคลิปส่งมาเล่าให้กับ Facebook ของไทยรัฐทีวีเพื่อช่วยประสานงานให้เข้าไปช่วยเหลือตากับยายคู่หนึ่งซึ่งถูกลูกชายไล่ออกมานอนนอกบ้าน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ชาวบ้านคนที่โพสต์ข้อความถึงไทยรัฐทีวีได้มีการเล่าเข้ามาใน Facebook ว่าบ้านหลังดังกล่าวมีพ่อที่แก่ชราแล้วอายุ 70 ปีและแม่วัย 68 ปี

ถูกลูกชายที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันขับไล่ออกมาให้มานอนอยู่นอกบ้านสาเหตุนั่นเพราะเกิดจากแม่อายุ 68 ปีได้ไปช่วยเหลือชาวบ้านเย็บหน้ากากอนามัยเพื่อแจกให้กับคนในชุมชนเมื่อลูกชายรู้เรื่องก็โกรธกลัวว่าแม่จะไปเอาเชื้อไวรัสโควิด-19มาติดคนในบ้านจึงได้ทำการไล่พ่อกับแม่ออกมานอนนอกบ้านซึ่งพ่อวัย 70 ปีนั้น

ป่วยเป็นอัมพฤกษ์และป่วยเป็นพากินสัน อีกด้วย ถ้านักข่าวจะได้ลงพื้นที่เพื่อไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งเมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุก็ไปพบกับลูกชายของเจ้าของบ้านที่เป็นคนที่ไล่พ่อกับแม่ออกมานอนนอกบ้านโดยลูกชายได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองไม่เคยไล่พ่อไล่แม่ออกมานอนนอกบ้านเพราะตนเองก็รักพ่อแม่มากแต่ที่พ่อต้องออกมานอนนอกบ้านนั้นเป็นเพราะว่าพ่อมีอาการทางประสาทแล้วมักจะทำร้ายแม่ที่แก่ชรารวมถึงขู่จะเผาบ้านและขู่ทำร้ายลูกสาวที่อายุแค่เพียง 5 ขวบ

จึงต้องให้พ่อออกมานอนนอกบ้าน ซึ่งนักข่าวเองก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์พ่อกับแม่ที่ถูกขับไล่ออกมานอนนอกบ้านโดยผู้เป็นแม่วัย 68 ปีได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวทั้งน้ำตารับว่าความจริงคือในวันเกิดเหตุนั้นคือวันที่ 6 เมษายนตนเองได้ออกไปนอกบ้านเพื่อไปทำงานจิตอาสาไปช่วยชาวบ้านเย็บหน้ากากอนามัยเพื่อเอาไปแจกให้กับคนในชุมชนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

หลังจากกลับมาถึงบ้านในช่วงประมาณ 17:00 นก็พบว่าสามีถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้นอกบ้านจึงได้เดินเข้าไปถามลูกชายที่อยู่ในบ้านว่าทำไมพ่อถึงอยู่หน้าบ้านซึ่งทางลูกชายเมื่อรู้ว่าแม่ของตนเองไปทำงานก็กลัวว่าจะเอาเชื้อไวรัสโควิด-19 มาติดคนในบ้านด้วย  จึงได้ขับไล่แม่ของตนเองออกมานอนนอกบ้านด้วยอีกคนนึง

ซึ่งตัวแม่นั้นได้ไปถามเพื่อนบ้านจะได้รู้ว่าสามีถูกไล่ออกมานอกบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงแล้วและลูกชายไม่ยอมให้เข้าบ้านอีกเลย  หลายคนเป็นแม่จึงค่อยค่อยปีนเข้าบ้านแล้วขนของออกจากบ้านมาครั้งละชิ้นสองชิ้นเพื่อนำผ้าและมุ้งมากางนอนอยู่หน้าบ้าน   ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเราทั้งน้ำตาให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่าแม้แต่จะเข้าห้องน้ำลูกชายก็ไม่ยอมให้เข้าต้องไปหาที่เข้าห้องน้ำ

ที่อื่นเองตอนนี้ลำบากมากเธอยังบอกอีกว่าเธอรักลูกชายมากเลี้ยงลูกชายมาอย่างดีตลอดแต่พอลูกชายแต่งงานมีครอบครัวนิสัยก็เปลี่ยนไป   

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   SA gaming 1688

ตั้งวงกินเหล้าไม่ยอมกักตัว  จากกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มีการประกาศขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าต่างๆรวมถึงสถานบันเทิงแหล่งบริการหรือแม้แต่ตลาดสดให้ปิดบริการชั่วคราวไปก่อนในช่วงนี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังมีการแพร่ระบาดอย่างหนักอยู่ในตอนนี้นั้นส่งผลให้คนที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯและปริมณฑลต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดของตนเอง

เพราะไม่มีงานทำเนื่องจากว่าที่ทำงานได้มีการติดตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯไปดังนั้นส่วนใหญ่เมื่อไม่มีงานทำจึงต้องกลับมาหางานทำที่บ้านเกิดของตนเองและสิ่งหนึ่งที่กำลังพบปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็คือการไม่ให้ความร่วมมือของประชาชนที่เดินทางไปถึงบ้านเกิดของตนเองแล้วทางรัฐบาลประกาศให้มีการกักตนเองอยู่แต่ในบริเวณบ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน

แต่พบว่ายังมีชาวบ้านบางกลุ่มที่ไม่ทำตามนโยบายที่รัฐบาลมีให้ยังคงเดินทางออกไปท่องเที่ยวรวมถึงรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมต่างๆอย่างเช่นการขึ้นบ้านใหม่ซึ่งเคยมีข่าวไปก่อนหน้านี้จนมีเรื่องกับการข้าราชการที่เข้าไปขอร้องให้หยุดการจัดงานรวมถึงการพากันไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นท้องทะเลจึงจากว่าอากาศที่ร้อนอบอ้าวชาวบ้านจึงอยากจะไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆจนเป็นเหตุให้ทางว่าราชการจังหวัด ของจังหวัดนั้นๆ

มาขอร้องให้แยกย้ายกันไปเพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ายังเข้าวันนี้ก็เป็นของจังหวัดเชียงรายซึ่งมีคลิปชายคนหนึ่งได้ถูกถ่ายออกมาหลังจากที่มีคนเข้าไปพูดให้ใช้คนดังกล่าวเลิกตั้งวงกินเหล้าซึ่งในคลิปจะเห็นว่าชายคนดังกล่าวได้มีการโต้เถียงกับคนที่ถ่ายว่าตนเองก็กักตัวอยู่ในหมู่บ้านแล้วไม่ได้ออกไปไหนแต่ด้วยสภาพที่มีการนำเพื่อนๆมาตั้งวงกินเหล้าเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยจึงเป็นความเสี่ยงอย่างมากที่จะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่ากัน

ดังนั้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้สั่งการให้ หัวหน้าหมู่บ้านและนายอำเภอของแต่ละอำเภอช่วยส่งดูแลลูกบ้านให้มีการกักตัวอยู่แต่ในบ้านและไม่สร้างเรื่องไม่จัดกิจกรรมใดๆทั้งสิ้นซึ่งจะส่งผลให้มีการรวมตัวกันของประชาชนโดยในคลิปดังกล่าวมีการโพสต์แล้วนำมาแชร์ลงบน Facebook ทำให้หลายคนที่ได้เห็นภาพต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของชายคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

และในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เดินทางมาเชิญตัวชายคนดังกล่าวเป็นรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำผิดทางกฎหมายที่มีการต่อต้านนโยบายของรัฐบาลในการที่จะลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   aesexy

พิษโควิดทำชีวิตสิ้นหวัง ผัวตกงานเมียไม่มีที่ขายของไม่มีเงินเลี้ยงลูกผัวเครียดหนักยืนกลางถนนหวังให้รถชนตาย 

            พิษโควิดทำชีวิตสิ้นหวัง เมื่อวันที่ 9 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563  มีพลเมืองดีได้มีการโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่  สภ. เมืองบุรีรัมย์ ว่าพบเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่กลางถนนทางเดินรถเกรงว่าจะเกิดอันตรายเพราะอาจจะถูกรถชนได้เนื่องจากบริเวณที่ยืนอยู่นั้นเป็นมุมมืดซึ่งบริเวณที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวยืนจะยืนตรงแถวหน้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลก็บอกมีการเดินทางออกมาที่เกิดเหตุทันทีแต่ยังไม่ทันที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงปรากฏว่าตรงบริเวณที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวยืนรอ

เพื่อจะให้รถชนนั้นมีรถทหารที่กำลังจะออกปฏิบัติงานเพื่อไปทำการตั้งด่านในช่วงเคอร์ฟิวได้ขับรถผ่านมาพอดีซึ่งจังหวะนั้นเพราะทหารเองก็เกือบจะชนกับชายหนุ่มคนดังกล่าวที่ยืนขวางถนนอยู่  เมื่อเห็นว่ามีคนยืนอยู่กลางถนนทหารจึงได้จอดลงแล้วพาออกมาจากกลางถนนเพื่อมาสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยชายหนุ่มคนดังกล่าวได้บอกเล่าเรื่องราวของตนเองว่าตนเองมีอายุ 25 ปีชื่อว่าหลิว 

เลยตัวเองนะมีภรรยาและลูกอยู่ 1 คนที่ต้องมายืนขวางถนนแบบนี้ก็เพราะไม่รู้จะทำยังไงดีคิดไม่ออกเนื่องจากว่าสถานการณ์ตอนนี้ครอบครัวของตนเดือดร้อนเป็นอย่างมากพ่อไม่มีเงินใช้จ่ายโดยตอนนี้ตนเองที่เคยมีอาชีพทำงานก่อสร้างหาเลี้ยงลูกและเมียก็ไม่ค่อยมีเงินมาเลี้ยงดูลูกแล้วเงินที่มีก็ด้วยหรอไม่พอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายให้กับคนในครอบครัวส่วนภรรยาของตนที่เคยทำงานขายของในตลาดนั้นตอนนี้ก็ไม่ได้ขาย

เพราะว่าในการปิดตลาดเดี๋ยวเจ้าของตลาดเกรงว่าจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้ตอนนี้ไม่ได้มีการขายของภรรยาของตนจึงไม่ได้มีรายได้อีกครั้งตัวเองก็มีลูกน้อยอายุแค่เพียง 2 ขวบเท่านั้นด้วยสถานการณ์ด้านการเงินของครอบครัวในตอนนี้ทำให้ตนเองและภรรยามีเรื่องทะเลาะกันอยู่เป็นประจำเคยลงทะเบียนต้องการเงิน 5,000 บาท

จากโครงการเราไม่ทิ้งกันแต่ก็ยังไม่ได้เงินซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ทำให้ตอนนี้ไม่มีเงินเพื่อจะเอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทำให้รู้สึกเครียดจึงเดินตามถนนมาเรื่อยๆได้อยู่ๆก็คิดอยากจะให้รถชนให้ตายจึงได้ไปยืนขวางถนนเอาไว้โดยนายหลิวได้บอกกับเราทหารว่าเหตุการณ์ที่ตนเองปีนขวางถนนนั้นเกิดจากความเครียดไม่ได้เกิดจากความกินเหล้าเมา

หรือว่าเกิดจากเสพยาเสพติดอย่างแน่นอนซึ่งเหล่าทหารที่ช่วยเหลือนายหลิวออกมาจากกลางถนนมันก็ต้องพูดปลอบใจให้กำลังใจนายหลิวก็คนอื่นก็มีปัญหาเหมือนกันหมดให้อดทนเดี๋ยวก็จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   www.ufabet.com ยินดีให้บริการคะ เฮง เฮง นะคะ