มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัดแพร่ โดยเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเทคนิคของจังหวัดโดยมีการระบุว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ 32 ปีเธอชื่อว่านางสาวอรสา  สำหรับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเทคนิคนั้นคนที่เห็นเหตุการณ์รวมถึงอาจารย์ในมหาวิทยาลัยดังกล่าวระบุว่านางสาวอรสาได้แอบขึ้นไปบนอาคารชั้นเรียนของมหาวิทยาลัยหลังจากนั้นก็มีการทำท่าจะกระโดดลงมาจากอาคารเรียนผู้คนที่เห็นเหตุการณ์จึงพากันไปเกลี้ยกล่อมให้นางสาวอรสานั้น

 

คลายความเครียดลงและให้ลงมาพูดคุยกันซึ่งใช้ระยะเวลาในการเกลี้ยกล่อมสักพักนางสาว อรสาก็ได้เล่าถึงสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เธอเกิดอาการเครียดจนต้องฆ่าตัวตายว่าเธอถูกนายจ้างโกงเงินค่าทำงานซึ่งเธอนั้นไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวทำให้เธอเกิดความเครียดเธอระบุว่าเธอมีลูก 1 คนจำเป็นต้องส่งเงินไปให้ลูกใช้แต่เนื่องจากมาทำงานแล้วไม่มีเงินแม้แต่เงินกินข้าวเราจะมีความคิดที่จะเดินเท้ากลับบ้าน

แต่เมื่อมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยพบว่าเธอนั้นหิวข้าวแล้วหิวน้ำมากแต่ไม่มีเงินซื้อกินทำให้เธอเกิดความเครียดและแอบเข้ามาในอาคารเรียนเพื่อหวังจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายแต่ก็มีคนมาพบเสียก่อนเมื่อทางคณะครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทราบเรื่องจึงได้มีการรวบรวมเงินให้การช่วยเหลือหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาทพร้อมทั้งประสานงานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นไปส่งหญิงสาวขึ้นรถประจำทางอย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบประวัติของนางสาวอรสาย้อนหลังพบว่าเธอนั้น

มีประวัติเกี่ยวกับเรื่องของการขู่ฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องเงินช่วยเหลือมาแล้วหลายจังหวัดซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลพบว่านางสาวอรสานั้นได้มีการแสดงบทบาทจะฆ่าตัวตายมาแล้วทั้งสิ้น 14 ครั้งรวมครั้งนี้ที่มีการจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่มหาวิทยาลัยแพร่ก็เป็นครั้งที่ 15 แล้วและหลังจากที่คณะของอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแพร่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อทำให้มีการรวมตัวกันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อต้องการเอาผิดนางสาวอรสาโดยทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าพฤติกรรมของนางสาวอรสานั้นเป็นพฤติกรรมของผู้ที่หลอกลวงเห็นความสงสารของคนอื่นแล้ว

นำมาใช้ในทางที่ผิดเป็นลักษณะของการต้มตุ๋นดังนั้นจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาผิดนางสาวอรสาเพื่อที่จะได้ให้นางสาวอรสานั้นจะจำเป็นบทเรียนและไม่ไปก่อเหตุแบบนี้กับที่ไหนอีก  สำหรับคนในสมัยนี้มีมากมายที่ใช้ความสงสารของคนอื่นมาเป็นตัวช่วยทำให้ตัวเองได้เงินมาใช้โดยที่ไม่ต้องลงทุนทำงานเลย ดังนั้นก่อนที่จะช่วยเหลือใครควรจะหาข้อมุลก่อน

 

สนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง

เจ้าของหอเช่าน่ารัก  ติดป้ายบอกผู้เช่าไม่เก็บค่าเช่า เพราะเราจะก้าวผ่านบริษัท ไปด้วยกัน

        ทางกลางความวาดกลัวความสิ้นหวังรวมถึงความเศร้าหมองก็ยังมีสิ่งดีๆเข้ามาให้กับคนบางคนได้ชื่นฉ่ำหัวใจอย่างเจ้าของหอพักรายนึงที่มีการออกมาดูแลผู้เช่าห้องพักของตนเองด้วยการนำกระดาษมาเขียนติดประกาศเอาไว้ถึงผู้เช่าทุกคนว่าจะช่วยเหลือผู้เช่าด้วยการลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ผู้เช่าแต่ละคนกำลังประสบปัญหาการว่างงานและไม่มีงานทำซึ่งเป็นสาเหตุมาจากรัฐบาลประกาศให้หยุดงาน

เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าดังนั้นทางเจ้าของห้องเช่าจึงได้แจ้งกับทางผู้เช่าทุกคนว่าจะไม่เก็บเงินค่าเช่าของเดือนเมษายนซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ดีที่สุดในขณะนี้ก็หลายคนเช็คได้ว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ามากเพราะทางรัฐบาลเองก็ได้มีการประกาศให้สถานที่ต่างๆหลายแห่งปิดบริการรวมถึงเมื่อมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19แล้ว

เศรษฐกิจของประเทศไทยก็ยิ่งซบเซาลง  บริษัทหลายบริษัทได้มีการปิดตัวลงไปหรือหากบริษัทไหนไม่มีติดตัวก็มีการขอลดเงินเดือนพนักงานลงส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของประชาชนทุกคน ที่แทบ จะไม่เหลือเงินผ่อนบ้านผ่อนรถคือจ่ายค่าบัตรเครดิตเลยด้วยซ้ำ  สำหรับอพาร์ทเม้นท์ที่มีเจ้าของจิตใจดีและน่ารักแบบนี้เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 50 

โดยเจ้าของอพาร์ทเม้นท์นั้นคืออาจารย์ ดร. กิติมา  ปรีดีดิลก  ซึ่งได้ออกมาบอกกล่าวกับผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์ของตนเองว่าจะมีการดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเช่าเดือนเมษายนให้กับผู้เช่าทุกห้องที่มีการเช่าอพาร์ตเมนต์ของอาจารย์อยู่สร้างความดีใจให้กับผู้เช่าเป็นอย่างมากจนมีผู้เช่าได้ถ่ายรูปการติดป้ายประกาศนี้ไว้

และนำไปแชร์เพื่อบอกกล่าวสิ่งดีๆให้กับชาวโซเชียลได้รู้และได้ชื่นชมถึงความเป็นคนดีมีจิตใจเมตตาของอาจารย์คนดังกล่าวเนื่องจากในสถานการณ์เช่นนี้หลายคนได้รับความลำบาก  ทั้งนี้เมื่อผู้เช่าเองได้รับความเห็นใจและได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ก็ถือได้ว่าเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้เช่าได้อีกช่องทางหนึ่ง 

    การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ายังมีการแพร่อย่างต่อเนื่องเพราะอะไรคนมักไม่เข้าใจว่าควรจะป้องกันตนเองและดูแลตนเองอย่างไรดังนั้นเพื่อให้เราผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ก็ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะต้องถูกสั่งให้หยุดงานแบบนี้ไปเรื่อยๆนั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าประชาชนจะไม่มีเงินในการนำมาเป็นค่าใช้จ่ายอีกหลายเดือน

ดังนั้นทุกคนจึงต้องร่วมมือกันในการที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Corona เพื่อที่ประชาชนทุกคนจะได้หันกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและมีเงินเป็นค่าใช้จ่ายไม่ต้องลำบากอดมื้อกินมื้ออย่างที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริงฝากขั้นต่ำ100

เกลียดโครงการ ชิม ช้อป ใช้

เกลียดโครงการ ชิม ช้อป ใช้ มีการเปิดโครงการมา 2 ครั้งแล้ว และตอนนี้มีข่าวว่าโครงการเฟส 3 จะเริ่ม 14-15 พฤศจิกายน 2562 นี้ อยากถามว่า จริงๆแล้วโครงการนี้ใครได้ผลประโยชน์ ในการที่ออกมาแถลงว่าโครงการนี้เป็นการส่งเสริมการใช้งาน การท่องเที่ยว ร้านค้าจะมีรายได้  เอาเข้าจริงๆ จากที่ติดตามข่าวมา เห็นมา คนที่ได้ประโยชน์จริงๆคือกลุ่มคนที่เป็นเจ้าของห้างร้านขนาดใหญ่ที่ได้ผลประโยชน์จากโครงการนี้ ร้านค้าเล็กๆ ไม่ได้อะไรเลย  ถ้าดูจากปัญหาของโครงการนี้คือมีปัญหาตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียนเลย เพราะโครงการออกมาเพื่อช่วยเหลือคนจน แต่เงื่อนไขในการลงทะเบียนคือ มือถือต้องใช้อินเตอร์เน็ตได้

 ต้องมีการสแกนหน้าที่มือถือ นั่นหมายถึงว่า คนจนจริงๆจะร่วมโครงการนี้ไม่ได้ เพราะคนจนไม่มีปัญญาซื้อมือถือ คนจนใช้มือถือแค่โทรเข้าโทรออก ไม่เล่นอินเตอร์เน็ต มือถือคนจนจะไม่รองรับอินเตอร์เน็ต  ถ้ามีเงินสามารถซื้อมือถือรุ่นใหม่ๆได้จะรียกว่าจนได้อย่างไร 

ข้อต่อมาคือเฟส 3 นี่ทำมาเพื่อรองรับคนแก่ให้เข้ามาร่วมโครงการด้วย อยากถามคนคิดโครงการเฟสนี้จังว่า คนแก่ที่จนคนไหนเล่นมือถือเป็น คนต่างจังหวัดใช้มือถือทำแบบนี้ไม่เป็นหรอก ยิ่งต้องมามีลงทะเบียนให้ยุ่งยากไม่มีใครอยากทำหรอก และถึงแม้จะบอกว่าให้ลูกหลานทำให้ คนแก่ต่างจังหวัดไม่ค่อยได้อยู่กับลูกหลานหรอกค่ะ ดังนั้นโครงการนี้ออกมาไม่ได้เอื้อผลประโยชน์ให้คนจนเลย แต่กลับเป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนมาผลาญเล่นไปวันๆมากกว่า

ในครั้งแรกที่เปิดโครงการ เคยเห็นผู้คนที่เขาลงทะเบียนแล้วมาใช้สิทธิ์ส่วนใหญ่ทุกคนเดินเข้าห้างแล้วซื้อของในห้างกลับบ้าน ไม่มีใครที่จะนำเงิน 1000 บาท ที่รัฐบาลมอบให้นำออกไปเที่ยวตามความต้องการของโครงการนี้เลย ถือได้ว่าโครงการนี้ล้มเหลวมาก ไม่ตรงกับที่ตั้งใจทำโครงการนี้ขึ้นมา

แต่ก็ไม่เข้าใจว่าจะยังมีเฟส 2 เฟส 3 ตามมาอีกทำไมทั้งที่ในโซเชียวรวมถึงนักวิชากรร ต่างก็พากันวิจารณ์ให้เห็นข้อเสียของโครงการนี้มากมาย เพราะเล็งเห็นแล้วว่าเป็นการแจงเงินให้คนใช้ มีใครบ้างที่ไม่ชอบเงินฟรี แต่การช่วยเหลือประชาชนจริงๆ ควรนำภาษีของประชาชนไปทำประโยชน์ให้ได้มากกว่านี้จะดีกว่า

โครงการดีๆมากมายที่ควรออก เช่นโครงการลดหย่อนภาษี ซึ่งแทนที่จะมานั่งจำกัดสินค้าที่สามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้ ควรเปิดกว้างในการซื้อของทุกอย่างแล้วเอามาลดภาษีได้ดีกว่า เพราะคนที่เสียภาษียังรู้สึกดีได้มากกว่าว่า เราทำงานเสียภาษีให้กับประเทศ สิ้นปีเรายังได้รับการดูแล ช่วยเหลือกลับมาบ้าง ดีกว่าเอาเงินภาษีของเราที่เราเสียให้ประเทศ ไปแจกจ่ายให้ใช้ฟรีๆ กับบางคนที่ไม่ได้เสียภาษีเลย เกลียดโครงการ ชิม ช้อป ใช้ จริงๆ

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง