วันที่ 26 เดือนเมษายน  ปีพศ. 2564   ได้มีการประกาศออกมาจากทางผู้ว่ากรุงเทพมหานครเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนของคนกรุงเทพให้ห่างไกลจากการติดเชื้อไวรัสโควิช- เนื่องจากสถานการณ์ของคนในกรุงเทพในตอนนี้นั้นมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศดังนั้นผู้ว่ากรุงเทพฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดนั้นลดลง

       ซึ่งมาตรการที่ทางผู้ว่ากรุงเทพออกมานั้นก็คือทุกคนที่จะออกนอกบ้านก็ต้องมีการใส่หน้ากากอนามัยและถ้าหากไม่ใส่หน้ากากอนามัยฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีโดยมีการระบุความผิดตาม กฎหมายมาตรา 51 เอาไว้ซึ่งจะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 20,000 บาทและผลบังคับใช้เกี่ยวกับเรื่องของการใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านนั้นจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 เดือน  เมษายนปี พ.ศ. 2564 ทันที 

        อย่างไรก็ตามหลายคนมองว่าโดยปกติทุกคนตอนนี้ให้ความร่วมมือเรื่องของการใส่หน้ากากอนามัยอยู่แล้วเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเดินออกนอกบ้านไปซื้อของหรือแม้แต่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆทุกคนจะมีหน้ากากอนามัยพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาและมีการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาอยู่แล้วในตอนนี้แต่อย่างไรก็ตามผลบังคับใช้เกี่ยวกับเรื่องของการประกาศให้ใส่หน้ากากอนามัยนั้นไม่ได้มีแค่เพียงการออกนอกพื้นที่เพียงเท่านั้น

         แต่ยังรวมถึงการท่องสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะที่มีการเดินทางบนรถโดยสารหรือแม้แต่รถประจำตัวของตนเองโดยไม่ว่าคุณจะขึ้นรถเมล์หรือรถไฟฟ้า BTS รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดินหรือแม้แต่บางคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตนเองทุกคนจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยและถ้าหากใครฝ่าฝืนก็จะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกันซึ่งจะถูกปรับเป็นเงินไม่เกิน 20000 บาทเหมือนกันนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่พูดกันเพียงปากเปล่าเท่านั้นเพราะว่าได้มีเหตุการณ์ที่ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวได้มีการแชร์ภาพของตนเองที่ถูกเรียกค่าปรับโดยมีการถ่ายรูปใบเสร็จลงมาแชร์ใน Facebook ให้มีกี่คนในโลกออนไลน์ได้เห็นกันว่าเขากับคนในครอบครัวนั้นขับรถออกไปในที่สาธารณะซึ่งในขณะที่ทุกคนก็นั่งอยู่ในรถแต่ไม่ได้มีใครใส่หน้ากากอนามัยขณะที่นั่งอยู่ในรถเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นจึงได้มีการเรียกเก็บค่าปรับ

         โดยเบื้องต้นนั้นเขาได้โพสต์เพราะว่าสงสัยว่าถ้านั่งอยู่ในรถไม่ได้ออกไปข้างนอกเขาต้องเสียค่าปรับหรือไม่ซึ่งในที่สุดทางด้านผู้ว่าก็ได้ออกมาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าถึงแม้จะอยู่ในรถก็ต้องเสียค่าปรับเช่นเดียวกันถ้าหากภายในรถนั้นมีคนนั่งตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปและถึงแม้ว่าคนที่นั่งอยู่ในนั้นจะเป็นไงคนในครอบครัวเดียวกันแต่อย่างไรก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลานั่นเองไม่มีการอนุโลมใดๆทั้งสิ้นไม่ใส่หน้ากากอนามัยได้เฉพาะเพียงแค่ขับรถแล้วมีการนั่งอยู่คนเดียวเพียงเท่านั้น 

 

สนับสนุนโดย.    sa gaming ทดลองเล่น