ชิงทองกลางห้างดังเมืองโคราช   เมื่อวันที่ 12 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2565 ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมงสิบสามนาที เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส  ซึ่งอยู่ตรงบริเวณริมถนนมิตรภาพ  อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมามีเหตุ  คนร้ายบุกเดี่ยวเข้าไปภายในร้านทองซึ่งเปิดอยู่ภายในห้างดังกล่าวและทำการชิงทอง 

โดยการเข้าไปปล้นบุกชิงทองในครั้งนี้คนร้ายสามารถได้ทองคำไปมูลค่าประมาณ 150 บาทซึ่งถ้าคิดเป็นเงินก็อยู่ราวราว 4.7 ล้านบาทเลยทีเดียว 

         เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุสุรนารีก็ได้ประสานงานไปที่สภเมืองนครราชสีมาส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ทันที

ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงคนร้ายได้หนีออกจากจุดเกิดเหตุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยทางเจ้าของร้านและพนักงานที่อยู่ภายในร้านทองนั้นได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในระหว่างที่ร้านเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติอยู่นั้นอยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งสามหมวกอีโมง รูปร่างผอมใส่เสื้อผ้าชุดดำปิดบังใบหน้าเดินเข้ามาภายในร้านทอง

           หลังจากนั้นก็ใช้อาวุธปืนต่อมาที่พนักงานที่ยืนอยู่ตรงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์และบอกให้พนักงานนำทองออกมาซึ่งในระหว่างนั้นคนร้ายก็ได้กระโดดขึ้นไปบนกระจกตรงเคาน์เตอร์แล้วใช้มือทุบกระจกหลังจากนั้นก็กวาดทองซึ่งวางอยู่ภายในตู้กระจกนั้นหลังจากที่ได้ทองไปเรียบร้อยแล้วคนร้ายก็วิ่งออกจากร้านทองหลบหนีออกไปทันทีซึ่งเบื้องต้นนั้นได้มีการเช็คกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าโลตัสแล้วพบว่าคนร้ายได้มีการจอดรถจักรยานยนต์ทิ้งเอาไว้เมื่อวิ่งมาถึงก็กระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับออกไปทางถนนมิตรภาพ

          สำหรับเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีนั้นใช้เส้นทางไปตามถนนสามแยกปักธงชัยอย่างไรก็ตามหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบข้อมูลรายละเอียดต่างๆแล้ว

ก็รีบส่งวิทยุประสานงานไปยังจุดต่างๆทันทีซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติงานอย่างเร่งด่วน  ufabet เว็บแม่   แค่ไหนแต่คนร้ายก็สามารถหลบหนีได้โดยในขณะนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบตัวคนร้ายอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตั้งด่านสกัดตรวจตามจุดต่างๆเพื่อพยายามที่จะจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้

          จากการรายงานของทางร้านทองเบื้องต้นที่มีการตรวจสอบรายละเอียดของทรัพย์สินที่หายไปพบว่ามีทรัพย์สินหายไปน้ำหนักรวมถึง 150 บาทซึ่งได้แก่ทองคำเส้นละ 3 บาทจำนวนมากถึง 50 เส้น  

          สำหรับคดีจี้ชิงทองกลางห้างดังในครั้งนี้เชื่อว่าอีกไม่กี่วันนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะสามารถรู้ตัวคนร้ายและสามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่คนร้ายบุกเข้าไปชิงทองในห้างนั้นในช่วงประมาณปี 2 ปีที่ผ่านมานี้แทบจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเดือนละครั้งเลยทีเดียวสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นก็เพราะว่าผู้คนนั้นมีปัญหาด้านการเงิน ซึ่งถ้าหากว่าประเทศไทยอยากจะให้สถานการณ์ภายในประเทศสงบไม่มีโจรขโมยชุกชุมก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจและค่าครองชีพภายในประเทศให้ดีประเทศไทยถึงจะปราศจากโจร 

         เมื่อวันที่ 30 เดือนเมษายน  ปี พ.ศ. 2564  มีการเปิดเผยออกมาจากรองผู้ว่าราชการจังหวัด  ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี  เจ้าอาวาสวัดกวาดเสียชีวิต เกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งท่านมีอายุ 57 ปี   ซึ่งท่านเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด -19  โดยท่านเป็นเจ้าอาวาสของวัดกรวด    ซึ่งอยู่ในอำเภอกาญจนดิษฐ์โดยท่านบวชจำพรรษามารับถึง 16 พรรษาด้วยกัน 

         สำหรับพระภิกษุสงฆ์องค์ดังกล่าวนั้นชื่อว่าพระอธิการทองสุข   กิตติญาโณ 

ซึ่งขณะนี้ท่านได้มรณภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยมีการมรณภาพช่วงเวลาประมาณ 13:20 น ของวันที่ 28 เดือนเมษายน ปี พ.ศ 2564 ที่ผ่านมา  ส่วนสาเหตุที่ทางด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลการมรณภาพของพระภิกษุสงฆ์ท่านนี้นั่นก็เพราะว่าท่านเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิช- โดยที่ท่านนั้นไม่รู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อไวรัส covid-19  มาก่อน

          ซึ่งเจ้าหน้าที่มาตรวจพบภายหลังหลังจากที่ท่านมรณภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นหมายถึงว่าผู้คนที่มาทำบุญที่วัดรวมถึงพระสงฆ์ที่อยู่ภายในวัดกรวดนั้นหากใครที่ใกล้ชิดกับพระอธิการทองสุขก็จะเสี่ยงเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยเช่นเดียวกันดังนั้นทางด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลพร้อมทั้งชี้แจงเกี่ยวกับช่วงเวลาที่พระอธิการทองสุขนั้นได้เริ่มพบว่าตนเอง

ป่วยจนถึงวันมรณภาพนั่นเองและยังมีการประกาศให้กับใครที่ตามที่คิดว่าตนเองนั้นใกล้ชิดกับเจ้าอาวาสท่านนี้และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงให้ทำการกักตนเองพร้อมทั้งตรวจหาเชื้อไวรัส covid ด้วยเพื่อหากพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19  จะได้รีบรักษาทันที ก่อนที่จะสายเกินไปนั่นเอง 

          สำหรับช่วงเวลานับตั้งแต่วันที่พระอธิการทองสุขเริ่มป่วยได้ก็คือช่วงประมาณวันที่ 20 เดือนเมษายนซึ่งช่วงนั้นท่านมีการไปโรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์เนื่องจากว่าท่านมีอาการไม่สบายและเจ็บคอเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวโดยแพทย์ได้มีการให้ยามารักษาแล้วให้กลับบ้านได้โดยที่คุณหมอนั้นไม่ได้มีการสัมผัสตัวพระอธิการทองสุขเลย

        หลังจากนั้นผ่านมาเป็นระยะเวลาเกือบ 6 วันแล้วแต่อาการของพระอธิการทองสุขกับไม่ดีขึ้นมีการหายใจลำบากขึ้นและมีเสมหะและมีน้ำมูกเยอะพร้อมทั้งยังมีอาการของการถ่ายเหลวทั้งด้านลูกศิษย์จึงได้พาไปโรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์เพื่อทำการแอดมิดและเช็คเอ็กซเรย์ปอดซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าปอดของพระอธิการทองสุขนั้นผิดปกติทั้ง 2 ข้างและตรวจสอบปริมาณออกซิเจนในร่างกายพบเหลือแค่ 80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นแต่เมื่อทราบประวัติเกี่ยวกับเรื่องของการเข้าใกล้คนที่มีอาการติดเชื้อไวรัส covid หรือไม่ซึ่งท่านยืนยันว่าท่านไม่ได้มีการเข้าใกล้กับผู้ป่วยไวรัสโคลิคแม้แต่คนเดียว

           อย่างไรก็ตามวันต่อมาอาการของท่านแย่ลงมีการหยุดหายใจ 1 ครั้งแต่สามารถช่วยเหลือขึ้นมาได้แล้วพอวันที่ 28 ท่านก็ไม่ตอบสนองต่อยาและเสียชีวิตในเวลาประมาณ 13:00 น 25 นาทีนั้นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บแม่

        มีการเปิดเผยออกมาจากสำนักข่าวไทยพีบีเอส  เกี่ยวกับกรณีของหญิงชราคนหนึ่งอายุ 84 ปีซึ่งหญิงชราคนดังกล่าวนั้นเคยเป็นอาจารย์ที่สอนอยู่มหาวิทยาลัยจุฬาฯโดยสารอยู่ในคณะอักษรศาสตร์แต่ว่าปัจจุบันนี้เกษียณอายุและอยู่ที่บ้านแล้ว

เนื่องจากว่าชราภาพมากและมีอาการหลงลืมลืม  โดยครอบครัวของหญิงชรานั้นได้ออกมาทำการฟ้องร้องหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่านางสาววีณาในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกเงินของหญิงชราวัย 84 ปี

     เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นโดยหญิงชราวัย 84 ปีนั้นได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าในช่วงประมาณปีพศ2563 นั้นเธอได้รู้จักกับนางสาววีณาจากการที่เธอไปออกกำลังกายที่สนามเทนนิสแห่งหนึ่งโดยนางสาววีณาได้พยายามเข้ามาตีสนิทและบอกว่าตนเองนั้นทำงานเกี่ยวกับเครื่องประดับเป็นเจ้าของธุรกิจโดยมีร้านอยู่แถวบริเวณถนนวิทยุ

         ซึ่งระหว่างที่นางสาววีณาเข้ามาพูดคุยกับหญิงชรานั้นก็ประพฤติตัวดีตลอดอาสาดูแลทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่หญิงชราต้องสูญเสียสามีไปนางสาววีณาก็มาเป็นธุระจัดการให้นอกจากนี้หลานสาวที่ดูแลหญิงชราก็เสียชีวิตลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ทำให้หญิงชราไม่มีคนดูแลจนเป็นสาเหตุให้นางสาววีณาเข้ามาดูแลแบบเต็มตัวพาไปโรงพยาบาลระหว่างนี้เองที่นางสาววีณาได้มีการยักยอกแอบนำสมุดบัญชีในกระเป๋าของหญิงชราไปโดยหญิงชราล่ะว่าช่วงที่มีการไปโรงพยาบาลเพราะต้องรักษาอาการป่วยซึมเศร้า

         เมื่อคุณหมอให้ยาเธอจะมีอาการเบลอหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลนางสาววีณามักจะพาเธอไปที่ธนาคารหลังจากนั้นนางสาววีณาก็ทำการติดต่อกับทางธนาคารและมีการนำเอกสารมาให้เธอเซ็นซึ่งเธอนั้นไม่รู้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นอะไรเพราะเธออยู่ในช่วงของการเบอร์ยาแต่ภายหลังนั้นญาติๆของเธอรู้สึกสงสัยกับพฤติกรรมของนางสาววีณานอกจากนี้ตัวเธอเองนั้น

        หลังจากที่อาการดีขึ้นก็งดยาและเมื่อมาค้นหาบัญชีธนาคารของตนเองก็พบว่าหายไปจึงได้ให้หลานสาวอีกคนหนึ่งไปทำการตรวจสอบด้วยหลานสาวติดต่อทางธนาคารและขอคัดรายละเอียดของยอดบัญชีเงินเข้าเงินออกซึ่งทำให้พบว่าตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมปีพศ 2564 นั้นบัญชีของหญิงชราถูกโอนเงินจำนวนหลายล้านบาทไปยังบัญชีของนางสาววีณาซึ่งโดยรวมแล้วมีการโอนเงินจากบัญชีของหญิงชราไปทั้งหมด 4 ครั้งด้วยกันเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 21.8 ล้านบาท

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่ครอบครัวของหญิงชราได้มีการเรียกนางสาววีณามาพูดคุยปรากฏว่านางสาววีณาพยายามบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมมาเจอนอกจากนี้เมื่อมีการให้ทนายความติดต่อไปนางสาววีณากับบอกว่ายอดเงินทั้งหมดที่หญิงชราโอนมา เธอนั้นเป็นการโอนมาให้ด้วยความเสน่หาและเธอจะไม่มีการโอนเงินคืนกลับไปอย่างแน่นอนโดยเธอจะเอาเงินทั้งหมดนี้ไปทำบุญ

        ซึ่งทั้งครอบครัวของหญิงชราและตัวหญิงชราเองยืนยันว่านี่คือการยักยอกทรัพย์โดยที่หญิงชราไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้มีการยินยอมที่จะมีการโอนเงินให้เนื่องจากว่าหญิงชรานั้นกระทำการโดยที่ไม่รู้ตัวเพราะว่ากินยาต้านเศร้าไปนั่นเองซึ่งทางด้านทนายความได้มีการแจ้งข้อหากับนางสาววีณาแล้วหลายคดีด้วยกันทั้งในเรื่องของการฉ้อโกงและการลักทรัพย์ 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    ufabet เว็บแม่