มีหญิงวัย 68 ปีรายหนึ่งได้ออกมาเตือนภัยผ่านทางสื่อทีวีของช่อง PPTV   เนื่องจากว่าเธอนั้นพบปัญหาการใช้ธุรกรรมของธนาคารผ่านทางแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือโดยระบุว่าเธอต้องการที่จะทำการโอนเงินจากบัญชีของเธอไปยังอีกบัญชีหนึ่งซึ่งเป็นบัญชีในชื่อเธอเช่นเดียวกันโดยเธอมีการกดโอนเงินไปทั้งสิ้น 7 แสนกว่าบาทแต่ปรากฏว่าเธอกดโอนไปผิดหมายเลข

          ซึ่งวันที่เธอทำการโอนเงินนั้นโอนเงินตั้งแต่วันที่ 18 เดือนพฤศจิกายนปีพศ2563 ช่วงเวลาที่โอนเงินนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ 5:00 น และกว่าที่เธอจะรู้ว่าเธอนั้นโอนเงินผิดบัญชีเพราะเป็นช่วงเวลาประมาณ 16:00 น ของวันเดียวกันนั่นเองซึ่งหลังจากที่เธอทราบเรื่องว่าตนเองโอนเงินผิดบัญชีเข้าไปนั้นก็รีบเดินทางไปยังธนาคารที่เธอเป็นเจ้าของบัญชีสาขาที่เธอไปติดต่อนั้นก็คือสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า

          โดยไม่มีการแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารช่วยทำการอายัดเงินในบัญชีที่โอนผิดไปให้ติดต่อผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคารโดยตรงและมีการโทรผ่านทาง Call Center และทางเจ้าหน้าที่ก็มีการยืนยันตัวตนเป็นที่เรียบร้อยหลังจากนั้นได้นำเอกสารจากทางธนาคารไปติดต่อที่สถานีตำรวจรถติดต่อที่สถานีตำรวจสน. บางยี่ขันเพื่อทำการลงบันทึกประจำวันเอาไว้ และได้นำเอกสารการบันทึกประจำวันไปให้กับผู้จัดการธนาคารของ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าอีกรอบโดยมีการยื่นเอกสารประมาณช่วงเวลา 19 :00 น 

         หลังจากนั้นเธอก็เฝ้ารอธนาคารให้มีการทำการดึงเงินของเธอจากบัญชีที่ผิดกลับมาคืนให้เธอแต่เรื่องราวที่เธอแจ้งเรื่องกับทางธนาคารนั้นผ่านไปนานถึง 5 เดือนแล้วแต่เธอยังไม่ได้รับเงินคืนกลับมาและสุดท้ายเมื่อเธอมีการติดต่อสอบถามไปยังธนาคารใหม่อีกครั้งหนึ่งก็ได้ความว่าเจ้าของบัญชีที่เธอมีการโอนเงินผิดไปนั้นได้มีการถอนเงินในบัญชีออกมาหมดเรียบร้อยแล้วและการถอนเงินในบัญชีนั้นมีการถอนตั้งแต่วันที่เธอโอนผิดไปแล้วเมื่อคืนตั้งแต่วันที่ 18 เดือนพฤศจิกายนปีพศ2563 นั่นเอง

          ซึ่งทั้งนี้ทางธนาคารยืนยันว่าเมื่อผู้ที่ได้รับโอนมีการถอนเงินออกจากบัญชีไปเรียบร้อยแล้วทางธนาคารก็ไม่สามารถทำอะไรให้กับลูกค้าได้  ทำให้หญิงวัย 68 ปีนั้นต้องสูญเสียเงินของตนเองไป 7 แสนกว่าบาทโดยที่ธนาคารไม่สามารถรับผิดชอบเป็นอะไรให้กับเธอได้เลยถึงแม้ว่าจะเป็นการโอนเงินผิดบัญชีจากเธอเองก็ตามโดยธนาคารยืนยันว่าตอนที่เธอติดต่อแจ้งอายัดเงินนั้นเป็นการแจ้งล่าช้าจนเกินไปเพราะปลายทางนั้นมีการถอนเงินออกมาแล้วและเธอไม่สามารถทำการอายัดเงินได้ทันนั่นเอง

         ซึ่งเรื่องราวในครั้งนี้เธอจึงได้มีการติดต่อทางสื่อทีวีเพื่อต้องการเตือนภัยให้กับคนที่มีการทำธุรกรรมผ่านทางโทรศัพท์มือถือให้มีการตรวจเช็คตัวเลขบัญชีให้เรียบร้อยและชื่อเจ้าของบัญชีให้เรียบร้อยถูกต้องเสียก่อนก่อนที่จะมีการกดยืนยันเพราะไม่เช่นนั้นแล้วคุณจะไม่สามารถนำเงินที่โอนผิดกลับมาเป็นของตนเองได้อีกเลย 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet

       เมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคม  ปี   พ.ศ 2564 ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์ภาพลงใน Facebook ส่วนตัวซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ผู้ชายคนหนึ่งกำลังใช้อาวุธมีดแทงเข้าไปที่บริเวณลำท้องของตนเองโดยมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัยคอยพยายามไกล่เกลี่ยอยู่ตลอดเวลา

          ในขณะเดียวกันในคลิปดังกล่าวนั้นยังมีภาพของหญิงสาวคนหนึ่งลักษณะของมีเลือดท่วมตัวกำลังได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อเตรียมนำส่งโรงพยาบาลด้วยใน Facebook นั้นได้มีการระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นพึ่งสึกมาได้เพียงแค่ 2 วันแล้วก็ออกมาทำร้ายผู้หญิงด้วยการแทงและปาดคอ 

      เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นตรงบริเวณริมถนนสีคิ้ว- ช่วงรอยต่อด่านขุนทดซึ่งเป็นพื้นที่กิโลเมตรที่ 7 อยู่ในตำบลบ้านกุดน้อยจังหวัดนครราชสีมานั่นเองโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าชายหนุ่มที่ก่อเหตุนั้นเป็นพระที่เพิ่งทำการสึกออกมาได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น  และหญิงสาวที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นก็เป็นแฟนสาวของชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นเอง

       โดยในวันดังกล่าวนั้นทั้งคู่ได้มีการนัดแนะมาเจอกันตรงบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งตรงบริเวณนั้นข้างทางเป็นป่ารกค้างหลังจากนั้นทั้งคู่น่าจะมีการทะเลาะเบาะแว้งและมีปากเสียงกันเกิดขึ้นและด้วยฝ่ายชายที่มีอารมณ์รุนแรงจึงใช้มีดที่เตรียมมานำทางไปที่ท้องของฝ่ายหญิงถึง 3 ครั้งด้วยกันจนเลือดท่วมตัว

              หลังจากนั้นก็ยังใช้มีดปาดไปที่ที่คอของฝ่ายหญิงหวังจะฆ่าให้ฝ่ายหญิงตาย แต่ปรากฏว่าผู้หญิงนั้นวิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือตรงบริเวณริมถนนตรงจุดนั้นมีรถวิ่งผ่านไปมาและมีชาวบ้านอยู่จึงได้มีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและติดตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือซึ่งระหว่างนั้นเองทั้งด้านฝ่ายชายที่เป็นคนก่อเหตุนั้นก็วิ่งออกมาเป็นสภาพของแฟนสาวของตนเองนั้นคิดว่าแฟนสาวน่าจะไม่รอดเขาจึงได้ใช้มีดที่ถืออยู่นั้นพยายามแทงไปที่ท้องทนเอง

             ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามห้ามปรามแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลอย่างไรก็ตามระหว่างที่ผู้ก่อเหตุได้แทงตัวเองอยู่นั้นปากก็พร่ำบ่นว่าให้ช่วยเหลือแฟนสาวของเขาให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าหลังจากที่คนร้ายได้ทำร้ายแฟนสาวของตนเองและเห็นสภาพแฟนสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วจึงอาจจะคิดขึ้นได้และเมื่อเห็นว่าแฟนสาวไม่น่าจะรอดจึงได้พยายามฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้ไปอยู่กับแฟนสาวนั่นเองและในขณะนี้ทางด้านหญิงสาวที่ถูกทำร้ายรวมถึงผู้ก่อเหตุนั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วและอาการยังค่อนข้างสาหัส 

 

สนับสนุนโดย.    sa casino ฟรี300

         สำหรับสาวๆที่นิยมการลดน้ำหนัก ด้วยการควบคุมอาหารแล้วล่ะก็ อาหารที่คิดว่าน่าจะช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี และนิยมกินกันมากนั่นก็คือ ส้มตำ นั่นเอง เพราะส่วนผสมในการทำส้มตำนั้น มีแต่ผักและสมุนไพรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการใส่มะละกอ  การใส่ มะเขือเทศ และพริก การกินส้มตำไม่มีส่วนไหนที่เราจะได้รับไขมันเข้าสู่ร่างกายเลย ดังนั้น คนส่วนมากจึงนับว่าส้มตำนั้นเหมาะกับการเป็นอาหารลดน้ำหนักโดยเฉพาะเลยทีเดียว 

       หากมีการนำส้มตำมาวิเคราะห์หาแคลอรี่ จะเห็นได้ว่าส้มตำในจำนวน 1 จานนั้น มีปริมาณพลังงานแคลอรี่เพียงแค่ 120 เท่านั้นเอง ซึ่งถือได้ว่าน้อยอย่างมากเลยทีเดียว และแน่นอนว่าหากรู้ว่ากินแล้วอร่อยมาก แถมแคลอรี่น้อย กินแล้วไม่อ้วนแบบนี้ หลายคนมักจะเลือกกินส้มตำเพื่อเป็นอาหารในช่วงที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่คุณ รู้หรือไม่ว่าการกินส้มตำทุกวันนั้น ไม่ได้ช่วยให้คุณน้ำหนักลดลงแต่อย่างใด อาจจะทำให้น้ำหนักตัวของคุณมากขึ้น และตัวบวมด้วยก็เป็นไปได้ 

     ส่วนสาเหตุหรือเหตุผลที่เราไม่ควรกินส้มตำมากจนเกินไป ทั้งที่มีพลักงานเพียงแค่ 120 กิโลแคลอรี่เท่านั้น นั่นก็เพราะว่าส่วนผสมของส้มต้ำนั้น มีทั้งน้ำตาลปีป น้ำเชื่อม ปลาร้า และน้ำปลา รวมถึงบางร้านยังใส่ผงชูรสอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ปรุงเพิ่มเข้ามาเหล่านี้ คือส่วนประกอบที่โซเดียมในปริมาณที่มาก ยังไม่นับรวมว่าหากกินส้มตำปู เวลากินปูดองก็จะกินโซเดียมเข้าไปอีกด้วย 

       ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า เครื่องปรุงในการปรุงรสชาติของส้มตำนี่เองที่จะทำให้เรากินเข้าไปในปริมาณมากแล้วจะทำให้เราไม่ผอมแถมยังอาจจะบวมเพราะกินโซเดียมเข้าไปในปริมาณที่มากก็เป็นไปได้  หากเราต้องการที่จะกินส้มตำเพื่อให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้หรือเพื่อลดน้ำหนักแล้วล่ะก็ ควรจะมีการกินส้มตำในปริมาณที่พอเหมาะเพียงเท่านั้น โดยอาจจะกล่าวได้ว่าการกินส้มตำเราสามารถกินได้ แต่ว่าภายในหนึ่งอาทิตย์นั้น เราควรกินส้มตำเพียงแค่ สองถึงสาม วันเพียงเท่านั้น จะให้การลดน้ำหนักได้ประสิทธิภาพ แต่ในขณะที่เรากินส้มตำทุกวันกลับจะทำให้การลดน้ำหนักของเราไม่ได้ผลนั่นเอง 

       ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า การกินส้มตำ ช่วยในการลดน้ำหนักได้ แต่เราต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะไม่ควรกินมากจนเกินไป และที่สำคัญส้มตำไม่ได้ให้สารอาหารที่ครบถ้วน ดังนั้นหากกินส้มตำเราควรกินอย่างอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่าง  น้ำตก หรือลาบ  หรือถึงอาจจะมีการกินข้าวเหนียวรวมเข้าไปด้วย

 

ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย.  ufabet