แฟนสาวไม่ยอมให้มีเซ็กส์ สำหรับคู่รักหนุ่มสาวนั้นการใช้ชีวิตร่วมกันนั้นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆนอกเหนือจากความเข้าใจแล้วก็คือ sex นั่นเองเพราะคน เราจะใช้ชีวิตได้ดิด้วยกันอย่างมีความสุขนั้นจะต้องมีการเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้ง

รวมถึงการมีเซ็กส์ที่ดีร่วมกันอีกด้วยจะเห็นได้ว่าคู่สามีภรรยาหรือแม้แต่คู่รักที่ยังเป็นแฟนกันแล้วเลิกรากันไปนั้นส่วนใหญ่พวกเขานั้นมีสาเหตุสำคัญมาจากเรื่องของเซ็กส์เป็นหลักนั่นเอง

         นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าผู้คนที่ถูกหักหลังถูกนอกใจคู่สมรสหรือคู่รักแอบไปมีกิ๊กส่วนใหญ่ก็มักจะมีปัญหามา

จากการมีเซ็กส์เช่นเดียวกันเพราะบางคนนั้นต้องการมีเซ็กส์แบบแปลกใหม่แต่บางคนนั้นก็มีปัญหาการมีเซ็กซ์กับคู่สมรสของตนเองสุดท้ายแล้วจึงนำมาสู่การนอกใจกันและเลิกรากันในที่สุดดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าเซ็กส์ นั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่เป็นอย่างมาก 

       เมื่อวันที่ 17 เดือนกุมภาพันธ์ ปีพ.ศ. 2565 ได้มีเว็บไซต์ชื่อดังของต่างประเทศได้นำบทความของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นชายหนุ่มชาวไต้หวันที่เขาออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวของเขาผ่านทางชุมชนออนไลน์ เนื่องจากชายชาวไต้หวันรายนี้เขาต้องการความคิดเห็นของชาวออนไลน์ว่าเขาควรจะตัดสินใจแก้ไขปัญหาชีวิตคู่ของเขาอย่างไรดี

       สำหรับปัญหาของชายหนุ่มรายนี้เขาระบุว่าเขามีแฟนที่รักกันมากๆอยู่ 1 คนเขาใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่า 6 ปีแล้ว

แต่ปัญหาของพวกเขาก็คือเขาไม่เคยที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือไม่เคยมีเซ็กส์กันเลยพวกเขาทำเพียงแค่ความสัมพันธ์ภายนอกเช่นกอดและจูบ ลูบไล้กันเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่สำคัญทำเพียงแค่นี้แฟนสาวของเขาก็ถึงจุดสุดยอดแล้วและแฟนสาวของเขานั้นก็ไม่เคยยอมที่จะให้เขามีเซ็กส์กับเธอเลยซึ่งเขาก็ยอมรับการใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยมา

       อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้เองแฟนสาวของเขาได้ตัดสินใจมานั่งจับเข่าคุยกันกับเขาถึงสาเหตุที่เธอนั้นไม่ต้องการที่จะมีเซ็กส์กับชายหนุ่มทั้งที่เขาทั้งสองคนนั้นก็รักกันเป็นอย่างมาก  ดูช่อง 3 ของชายหนุ่มระบุว่าเธอมองว่าการมีเซ็กส์นั้นเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจและเธอไม่ต้องการมีเซ็กส์แล้วถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามพูดถึงข้อดีของการมีเซ็กซ์และอธิบายให้เธอฟังอย่างไรก็ตามแต่ แฟนสาวของเขาก็ยังคงปฏิเสธมัน

     อย่างไรก็ตามชายชาวไต้หวันคนนี้ระบุว่าถ้าเกิดว่าแฟนสาวกับเขานั้นเพิ่งคบกันแค่ไม่กี่เดือนเขาคงเลิกรากับเธอแล้วไปหาคนใหม่แต่นี่เขารักเธอมากและที่สำคัญเขาอยู่กับเธอมานานกว่า 6 ปีแล้วเขาจึงอยากขอคำแนะนำจากชาว Online ว่าเขาควรจะแก้ไขสถานการณ์อย่างนี้ได้อย่างไรดี

ซึ่งบางคนแนะนำว่าเขาอาจจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับเธอและค่อยๆพยายามให้เธอได้เรียนรู้การมีเซ็กส์แต่บางคนก็แนะนำว่าไม่ควรที่จะฝืนอยู่ด้วยกันต่อไปเพราะยิ่งนานไปก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาชีวิตคู่ในอนาคตได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    UFABET เว็บหลัก

พ่อฉุนเพื่อนลูก  คว้าคราดตีจนเสียชีวิต  เมื่อวันที่ 10 เดือนกุมภาพันธ์ ปีพ.ศ. 2565 ช่วงเวลาประมาณ 20:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งโดยจุดที่เกิดเหตุนั้นเป็นบ้านซึ่งอยู่ในหมู่ 13 คลองตะเข้   จังหวัดจันทบุรี

สำหรับการทะเลาะวิวาทกันในครั้งนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่ผู้บาดเจ็บเท่านั้นแต่ยังมีผู้เสียชีวิตด้วยซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานงานไปยังกู้ภัยให้ไปยังสถานที่เกิดเหตุพร้อมกัน

      เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเดินทางไปถึงก็พบกับผู้เสียชีวิตมีสภาพเลือดเต็มทางร่างกายโดยเมื่อตรวจสอบจบก็พบว่าที่หัวนั้นถูกตีจนเป็นแผลขนาดใหญ่นอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นมีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น

ชื่อว่านายสิทธิศักดิ์โดยผู้ก่อเหตุนั้นเป็นเจ้าของบ้านและเป็น พ่อของเพื่อนผู้เสียชีวิตหลังจากลงมือก่อเหตุแล้วก็ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์หลบหนีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

       

 จากการให้ข้อมูลของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตและเป็นลูกชายของคนร้ายรวมถึงภรรยาของคนร้ายได้ให้ข้อมูลว่าคนร้ายกับผู้เสียชีวิตนั้นได้มีปากเสียงกันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนกับลูกชายของคนร้ายในวันนี้ทั้งคู่ได้นัดกันมากินเหล้าที่หน้าบ้านระหว่างที่ผู้เสียชีวิตกินเหล้าอยู่กับลูกชายของคนร้ายอยู่นั้นตัวคนร้ายเองก็ก่อกองไฟเผาขยะอยู่ไม่ห่างจากจุดที่มีการนั่งกินเหล้ากันทำให้ควันไฟลอยมาถึงบริเวณวงเหล้าสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ตาย

         ทำให้ผู้ตายนั้นตะโกนด่าทอไปยังคนร้ายในลักษณะคำพูดเหน็บแนมแต่ก็เป็นลักษณะของคำหยาบคายด้วยเช่นเดียวกันทำให้คนร้ายนั้น ไม่พอใจจึงได้เดินมาตรงจุดที่ผู้ตายกับลูกชายกินเหล้ากันหลังจากนั้นก็มีเรื่องด่าทอกันเกิดขึ้นอย่างไรก็ตามหลังจากที่ทะเลาะกันได้สักพักนึงคนร้ายได้มีการไปหยิบด้ามคราด

ซึ่งเป็นเหล็กมาตีใส่ผู้ตายอยู่หลายครั้งในระหว่างนั้นทางด้านลูกชายและภรรยาของคนร้ายได้พยายามห้ามปรามแต่ก็ถูกคนร้ายใช้ด้ามค่าตีใส่เนื่องจากว่ายังอยู่ในช่วงของการบันดาลโทสะเพราะโมโหมากอาจจะเกิดมาจากเรื่องที่ทับถมจากการทะเลาะกันมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ด้วย

          อย่างไรก็ตามเมื่อตีไปได้สักพักนึงผู้เสียชีวิตก็หน้านิ่งและเมื่อแน่ใจว่าลูกชายของเพื่อนตายแล้วคนร้ายจึงได้มีการขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปยังจุดเกิดเหตุทันทีซึ่งทางด้านลูกชายของคนร้ายและภรรยาของคนร้ายก็ได้รับบาดเจ็บด้วยอย่างไรก็ตามก่อนที่จะเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก็ได้มีการโทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มายังจุดเกิดเหตุด้วยนั่นเอง   จากข้อมูลที่ทางผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลมาทั้งหมดนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งเก็บรวบรวมหลักฐานและติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี 

 

สนับสนุนโดย  ufabet เว็บหลัก

     สาวกัมพูชา ดราม่า MV ของลิซ่า กำลังกลายเป็นกระแสอย่างหนักสำหรับ MV เพลง lalisa ของลิซ่า  วง blackpink ที่เพิ่งเปิดตัวกับซิงเกิ้ลเดียวเพลงแรกออกมา

ซึ่งกระแสในโลกออนไลน์ตอนนี้มีทั้งกระแสชื่นชมและกระแสดราม่า  โดยส่วนใหญ่แล้วคนฝั่งยุโรป และอเมริกานั้นเป็นการชื่นชม แม้แต่ญี่ปุ่นกับเกาหลีก็ชื่นชมเช่นกัน แต่กลับมีกระแสดราม่าที่มาจากคนไทยและคนกัมพูชาเกิดขั้นแทน

     สำหรับกระแสดราม่าของไทยนั้น มีคนบางกลุ่มที่ได้เห็นเอ็มวีและไม่เห็นด้วยที่ลิซ่า ได้แต่งกายด้วยชุดไทย และมีฉากในเอ็มวีที่เป็นประสาทโบราณของไทยมาแสดงในเอ็มวี โดยให้เห็นผลว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นการเอาวัฒนธรรมการแต่งกายของไทยไปย่ำยี ในขณะเดียวกันคนไทยหลายคนก็ออกมาต่อว่าความเห็นต่างนี้ว่า สิ่งที่ลิช่าทำนั้น

ถือว่าเป็นการกระทำที่ดีมากมาก เพราะเป็นการเผยแพร่ให้คนประเทศอื่น ได้เห็นวัฒนธรรมของไทยที่สวยงามแค่ไหน ที่สำคัญจะมีคนทั่วโลกอีกจำนวนมากที่อาจจะไม่เคยรู้จักประเทศไทยเลยได้รู้จักประเทศไทยและอยากมาเที่ยวประเทศไทยเมื่อได้เห็น เอ็มวีของลิซ่า

      อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะที่ประเทศกัมพูชาเองก็มีดราม่าเอ็มวีของลิซ่า เช่นเดียว มีทั้งคนที่ชื่นชอบเอ็มวีนี้ของลิซ่า และมีคนไม่ชอบด้วยเช่นกัน โดยมีหญิงสาวชาวกัมพูชาคนหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลระบุไม่พอใจที่ลิซ่า ได้มีการลอกเลียนวัฒนธรรมของกัมพูชา

โดยหญิงสาวคนดังกล่าวระบุว่าภาพประสาทที่ปรากฎในเอ็มวีของลิซ่านั้นเป็นปราสาทหิน ที่ลักษณะการก่อสร้างในรูปแบบประสาทหินของกัมพูชาและเธอต้องการให้ทางบริษัท YG ทำการลบภาพดังกล่าวนั้นออกไป หรือให้ทำเอ็มวีเพลงขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่มีภาพประสาทหิน

        อย่างไรก็ตามภายหลัง ที่คนในโลกออนไลร์ได้มีการแชร์เฟสบุ๊กของสาวกัมพูชาคนดังกล่าว เธอก็ถูกถล่มจากคนกัมพูชาและคนไทยทันที โดยคนส่วนใหญ่เข้าไปตอบในเม้นต์ของหญิงสาวคนดังกล่าวว่าปราสาทที่เห็นนั้นเป็นปราสาทหินในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคนละปราสาทกับของประเทศกัมพูชา และที่ปราสาทหินมีลักษณะหน้าตาที่มีความคลายกันก็เพราะว่าปราสาทเหล่านี้มีอายุมาหลายพันปีแล้ว 

         ซึ่งในช่วงที่สร้างปราสาทหินเหล่านี้ยังไม่มีประเทศเกิดขึ้นยังคงเป็นการปกครองแบบอาณาจักรเท่านั้นซึ่งยุคนั้นเป็นยุคของอาณาจักรขอม และปราสาทหินแบบนี้ไม่ได้มีสร้างที่กัมพูชา หรือประเทศไทยเท่านั้น เพราะประเทศลาวและเวียดนามก็มีปราสาทหินที่มีลักษณะคล้ายกันนี้เหมือนกัน 

     

สนับสนุนเรื่องราวโดย.      ufabet เว็บหลัก

   เสียชีวิตจากการต้มสมุนไพรอบตัว  เมื่อวันที่ 4 เดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจขอสถานีตำรวจในจังหวัดชลบุรีได้รับแจ้งเหตุมีหญิงชราวัย 61 ปีเสียชีวิตภายในบ้านพักเมื่อเดินทางไปถึงก็พบผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพที่ใบหน้าฟุ๊บอยู่ตรงบริเวณที่ต้มหม้อสมุนไพรในขณะที่ตัวนั้นนั่งอยู่กับพื้นนอกจากนี้ตามร่างกายยังพบรอยไหม้และมีรอยพุพองซึ่งเกิดขึ้นทั้งบริเวณใบหน้าและหัวไหล่ทั้งสองข้างรวมถึงที่หน้าอกด้วย 

         จากการให้ข้อมูลของสามีของผู้เสียชีวิต  ได้ความว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 เดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณ 6:00 น  

ผู้เสียชีวิตได้มีการนำสมุนไพรมาทำการต้มเพื่อต้องการที่จะอบตัวโดยได้มีการนำมาต้มไว้กับเตาถ่านหลังจากนั้นก็นำผ้าห่มขนาดใหญ่เอามาคลุมตัวและคลุมหัวเอาไว้ซึ่งทางด้านตัวสามีเองได้มีการเตือนภรรยาแล้วว่าไม่ควรจะทำเพราะอากาศจะไม่ถ่ายเทและอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแต่ทางผู้เสียชีวิตไม่สนใจคำเตือนส่วนทางด้านสามีเองก็เห็นว่าทางภรรยานะร่างกายแข็งแรงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงปล่อยให้ภรรยาอบตัวไปและตัวเขาเองก็ออกไปทำธุระนอกบ้าน 

       จนช่วงประมาณ 9:00 น จึงได้กลับมาในบ้านก็เห็นว่าภรรยาล้มฟุบใบหน้าคว่ำอยู่ตรงบริเวณหม้อต้มสมุนไพรแล้ว

เมื่อจับตัวดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้วจึงได้มีการประสานงานแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรก็ตามทั้งสามีของผู้เสียชีวิตระบุว่าตัวเขาเพิ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 4 คิดว่าจะนำเงินดังกล่าวเก็บเอาไว้ใช้กันสองคนตายายแต่ปรากฏว่าต้องนำเงินดังกล่าวนั้นมาใช้ในการจัดงานศพให้กับภรรยาแทน 

        ภายหลังจากที่มีข่าวว่าคุณยายวัย 61 ปีเสียชีวิตจากการต้มสมุนไพรอบตัวก็ทำให้มีการพูดถึงเรื่องนี้กันเป็นอย่างมากซึ่งใน Facebook ของแพทย์แผนไทย

ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกันโดยทางเพจระบุว่าสมุนไพรไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่สาเหตุที่ทำให้คุณยายวัย 61 ปีเสียชีวิตนั้นมาจากที่คุณยายทำการอบสมุนไพรไม่ถูกวิธี

      เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าการจุดเตาอังโล่นั้นจะมีควันเกิดขึ้นและถ้าหากเอาผ้าไปคุมจนไม่มีอากาศถ่ายเทก็จะทำให้ควันลอยวนอยู่ภายในผ้าและเมื่อคนเข้าไปอยู่ในผ้าและสูดดมเข้าไปก็จะทำให้สูดดม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเนื่องจากว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นจะออกมาจากควันที่มีการจุดเตาไฟนั่นเอง

       ซึ่งเรื่องนี้สามารถเปรียบได้กับการที่ข่าวคนฆ่าตัวตายด้วยการนำเตาไปจุดให้เกิดควันแล้วนำไปไว้ในรถเป็นการรมควันตนเองจนเสียชีวิตซึ่งกรณีนี้ก็   อย่างไรก็ตามสำหรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นเป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ซึ่งถือว่ามีพิษ  ถ้าหากว่ามีการสูบลมเข้าไปก็จะทำให้รู้สึกเพลียและอาจจะเกิดอันตรายจนถึงแก่ความตายได้ 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.  UFABET เว็บหลัก