ผู้ป่วยติดเตียงวัย 82 ปีติด covid เสียชีวิต    เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่งซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิช- โดยผู้เสียชีวิตนั้นอายุสูงแล้วดูเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เดือนเมษายนปีพศ. 2565  

ซึ่งน้องสาวของผู้เสียชีวิตได้เล่าข้อมูลให้กับนักข่าวฟังว่าครอบครัวมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน  โดยผู้เสียชีวิตนั้นเป็นคนอายุมากสุดอายุ 82 ปี

        อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้  คนอื่นๆพากันติดไวรัสโควิตและรักษาอาการจนหายดีอยู่แล้วมีเพียงแค่ผู้เสียชีวิตเท่านั้นที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเนื่องจากว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงและไม่ได้ออกไปไหน    อย่างไรก็ตามช่วงประมาณวันที่ 7 เดือนเมษายนปีพศ. 2565

 

ปรากฏว่าผู้เสียชีวิตนั้นมีอาการหายใจไม่สะดวกและอ่อนเพลียไม่ค่อยกินอาหารซึ่งคนในครอบครัวคิดว่าอาจจะเป็นเพราะโรคประจำตัวกำเริบเนื่องจากผู้เสียชีวิตนั้นมีอาการป่วยเป็นโรคไตด้วย

         อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าของวันที่ 10 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2565 ปรากฏว่าผู้เสียชีวิตนั้นอาการเริ่มแย่ลงคนในครอบครัวจึงได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่อสมให้ช่วยหาชุดตรวจ ATK  มาให้เพราะอยากจะรู้ว่าเป็นอาการโรคไตกำเริบหรืออาจจะเป็นการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งหลังจากที่มีการตรวจก็พบว่าผู้เสียชีวิตนั้นติดไวรัสโควิด  

         น้องสาวของผู้เสียชีวิตระบุว่าหลังจากที่รู้ว่าพี่ชายของตัวเองนั้นติดเชื้อไวรัสโควิช- เธอก็รีบประสานงานไปยังโรงพยาบาลสิทธิ์ประกันสังคมทันทีโดยมีเพื่อนบ้านช่วยประสานงานให้อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลได้มีการตอบกลับมาว่าให้ญาติของผู้ป่วยนั้นพาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเอง    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย     เนื่องจากว่าทางโรงพยาบาลไม่มีรถที่จะสามารถมารับผู้ป่วยที่บ้านได้ ทั้งๆที่ญาติของผู้เสียชีวิตก็แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแล้วว่าผู้ป่วยนั้นมีโรคประจำตัวและเป็นผู้ป่วยติดเตียง

        นอกจากนี้ทุกคนยังช่วยกันหาติดต่อว่าจ้างหารถเพื่อนำผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่มีใครที่จะรับผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลเลยหลังจากรู้ว่าติดไวรัสโควิช- เพื่อนบ้านและญาติของผู้ป่วยได้มีการโทรไปที่สายด่วน 1669 แต่ทางเจ้าหน้าที่สายด่วนก็ระบุว่าไม่มีนโยบายที่จะเอารถออกไปรับผู้ป่วยติด covid ไปส่งโรงพยาบาลให้

        อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าทางญาติเห็นว่าผู้ป่วยอาการแย่ลงเรื่อยๆจึงได้โทรไปขอความช่วยเหลืออาสาเส้นได้ให้ช่วยมาประเมินอาการผู้ป่วยซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็เดินทางมาแต่พบว่าไม่สามารถวัดชีพจรได้เนื่องจากว่าเสียชีวิตแล้วทำให้ครอบครัวของตาวัย 82 ปีไม่พอใจที่ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความช่วยเหลือในการมารับผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลซึ่งถ้าหากว่ามีการส่งผู้ป่วยไปรักษาทันอาจจะไม่เสียชีวิตก็ได้