เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอได้มีการลาออกจากการเป็นครูด้วยหญิงสาวรายนี้ชื่อว่าศิริมาศ   เธอได้มีการเล่าประวัติความเป็นมาของโปสการ์ดที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ซึ่งเป็นโปสการ์ดสีชมพูสดใสแต่ข้อความในโปสการ์ดไม่ใช่ข้อความที่ประกาศเกี่ยวกับเรื่องของงานบุญแต่เป็นโปสการ์ดที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อประกาศว่าเธอได้สิ้นสุดการเป็นข้าราชการครูแล้วโดยมีผลไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2565 นอกจากนี้เธอยังได้ระบุสาเหตุของการลาออกจากราชการครูด้วยว่าเธอไม่สามารถที่จะทำให้งานอาชีพครูนั้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเธอได้เมื่อเธอไม่ยอมรับเธอจึงจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนงานแทนเนื่องจากอาชีพครูนั้นไม่ใช่ตัวตนของเธอนั่นเอง 

        อย่างไรก็ตามนางสาวศิริมาศได้มีการกล่าวกับสำนักข่าวไทยพีบีเอสว่าสาเหตุที่เธอต้องออกมาทำโปสเตอร์นั้น  มิติใหม่ของการลาออก    เป็นเพราะเธอเห็นว่าในช่วงที่เธอได้บรรจุเป็นข้าราชการครูใหม่ๆเธอไม่ได้มีการทำโปสเตอร์อวยพรให้กับตนเองเห็นว่าวิธีการนี้ดูน่ารักดีเธอก็เลยทำแต่ก็ถูกแชร์กันในโลกออนไลน์เพราะทำให้ถูกใจคนในโลกออนไลน์เพียงเท่านั้นเอง

         สำหรับเรื่องราวของนางสาวศิริมาศนั้นเกิดจากการที่เธอนั้นเติบโตมาจากครอบครัวข้าราชการครูไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือญาติพี่น้องนั้นก็เป็นครูกันทุกคนในตอนแรกเธอไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาเป็นคุณครูแต่เนื่องจากว่าเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเธอเกิดสอบติดวิชาชีพครูจึงได้ทดลองเรียนดูและพยายามศึกษาหาความรู้จนเธอเกิดความรู้สึกอยากจะทำอาชีพครูขึ้นมาหลังจากที่เธอเรียนจบแล้วเธอก็ได้มีการบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งโรงเรียนที่เธอไปสอนนั้นมีนักเรียนเพียงแค่ประมาณ 300 คนเพียงเท่านั้นโดยไม่มีการเปิดชั้นเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3

             อย่างไรก็ตามภายในโรงเรียนนั้นกลับมีคุณครูประมาณ 20 คนเพียงเท่านั้นซึ่งถือว่าไม่เพียงพอต่อไปนักเรียน  ufabet เว็บตรง   ดังนั้นครูหลายคนจึงมีหลายหน้าที่เพราะนอกจากจะต้องสอนหนังสือแล้วก็ยังต้องทำหน้าที่อื่นด้วยอย่างเช่นงานเอกสารหรืองานดูแลวัสดุต่างๆนอกจากนี้ครูบางคนยังต้องมีการสอนควบวิชาด้วยซึ่งตัวเธอเองนั้นก็สอนสองวิชา

          อย่างไรก็ตามนางสาวศิริมาศมองว่าหลังจากที่เธอไม่ได้มาทำงานเป็นครูในโรงเรียนแห่งนี้แล้วเธอรู้สึกว่าอาชีพของครูนั้นไม่ได้ทำเพียงแค่การสอนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่เธอต้องทำหลายหน้าที่มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเอกสารซึ่งเป็นงานที่เธอไม่ถนัดนอกจากนี้คุณครูเก่าๆที่อยู่ภายในโรงเรียนก็ไม่ค่อยแนะนำข้อมูลการทำเอกสารให้ทำให้เธอรู้สึกเบื่อและท้อเป็นอย่างมากจนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะมาประเมินตัวเองและลาออกจากการเป็นครู

           เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งเธอเป็นคนประเทศมาเลเซียได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวของเธอผ่านทาง Tiktok โดยเธอนั้นได้มีการโพสต์เป็นคลิปให้เห็นว่าเธอได้ไปร่วมงานแต่งงานแห่งหนึ่งโดยภายในงานนั้นมีการจัดไว้อย่างหรูหรามีการตกแต่งด้วยโทนสีขาวสวยงาม  

        สาวสุดช้ำผัว หลอกไปงานแต่ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอนำมาโพสต์นั้นเธอได้มีการเล่าเพิ่มเติมด้วยว่างานแต่งงานที่เธอถ่ายคลิปเอาไว้นี้เธอถูกหลอกให้มาโดยสามีของเธอนั้นเป็นผู้หลอกลวงให้เธอมาร่วมงานหญิงสาวเราว่าสามีของเธอได้ชักชวนให้เธอมางานแต่งงานพร้อมกับให้เธอนั้นใส่ชุดสีขาวซึ่งตัวสามีของเธอนั้นเองก็ใส่ชุดสีขาวเหมือนกันโดยระบุว่าจะได้ใส่เสื้อผ้าที่แมทช์กันซึ่งการมาร่วมงานแต่งงานในครั้งนี้เธอไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นเป็นใครแต่เธอก็ตามสามีของเธอมาร่วมงาน

           อย่างไรก็ตามเมื่อเธอมาถึงงานแต่งงานปรากฏว่าเธอต้องช็อกอย่างหนักเมื่อเธอมารับรู้ภายหลังจากที่เธอมาถึงงานแต่งงานแล้วว่าเจ้าบ่าวของเจ้าสาวในงานแต่งงานในครั้งนี้ก็คือสามีที่พาเธอมางานแต่งงานในครั้งนี้นั่นเองโดยหญิงสาวรายนี้ระบุว่าสามีของเธอนั้นต้องการที่จะรับภรรยาคนที่ 2 มาไว้ในครอบครัวไม่ได้มีการบอกกับเธอล่วงหน้ามาก่อนเขาหลอกให้เธอมาร่วมงานแต่งงานและมาเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของสามีเหมือนกับเป็นการมัดมือชกให้เธอนั้นต้องยอมรับภรรยาของที่ 2 ของสามีของเธอนั่นเอง

            อย่างไรก็ตามหญิงสาวรายนี้ระบุว่าในช่วงจังหวะที่ใช้อยู่ในงานแต่งงานนั้นเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรดีเธอรู้สึกช็อกและเธอทำอะไรไม่ถูกเธอไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำได้แต่เพียงนั่งอยู่ในงานแต่งงานจนกว่าพิธีจะจบและยอมรับให้สามีของเธอนะมีภรรยาคนที่ 2 ซึ่งเธอนั้นรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

           หลังจากเรื่องราวของหญิงสาวชาวมาเลเซียรายนี้ถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ผู้คนต่างก็พากันไม่พอใจการกระทำของสามีของหญิงสาวรายนี้โดยมองว่าสามีนั้นควรจะต้องนึกถึงจิตใจของภรรยาควรจะต้องมีการบอกภรรยาก่อนว่าตนเองต้องการที่จะมีภรรยาคนที่ 2 และมีการพูดคุยตกลงให้ภรรยาคนแรกสามารถยอมรับได้ก่อนไม่ควรหลอกลวงกันเช่นนี้เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เห็นใจและไม่แคร์ภรรยาของตนเองเลย 

         อย่างไรก็ตามหญิงสาวรายนี้เธอได้มีการโพสต์ระบุสภาพจิตใจของเธอในขณะนี้ว่าบางครั้งเธอรู้สึกว่าเธอเศร้าเป็นอย่างมากแต่บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าเธอสามารถยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยอมตามใจสามีเพราะเธอมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเป็นความต้องการของพระเจ้าก็เป็นได้ทำให้เรื่องทุกอย่างนั้นดำเนินต่อไปแบบนี้ซึ่งเธอยืนยันว่าเธอยอมรับสภาพกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่าใจของเธอนั้นจะไม่สามารถยอมรับได้ก็ตาม

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet มือ ถือ

       เมื่อวันที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์ปีพศ. 2565 ที่จังหวัดปทุมธานีแถวบริเวณซอยเรณูอุทิศได้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ขึ้นภายในรถกระบะคันหนึ่งซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 2 รายเป็นพ่อลูกกันและเสียชีวิต 1 รายในเวลาต่อมา

      สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้เป็นพ่อชื่อว่านายทองได้มีการขับรถออกไปจากที่พักแล้วไปประสบอุบัติเหตุขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งขี่รถพ่วงกำลังจะเลี้ยวเข้าวัดโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวเสียชีวิตคาที่ส่วนด้านายทองที่เป็นผู้ขับรถชนนั้นก็ได้ขับรถหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุทันที 

        อย่างไรก็ตามในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุคนขับรถชนกัน  ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้รับการแจ้งเหตุว่ามีอุบัติเหตุคนถูกไฟไหม้ที่ชุมชนแห่งหนึ่งเช่นเดียวกัน   อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนพบว่าอุบัติเหตุทั้งสองอย่างนั้นมีความเกี่ยวโยงกันเนื่องจากว่าคนที่ก่อเหตุขับรถชนคนเสียชีวิตนั้นคือนายทองซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ประสบอุบัติเหตุถูกไฟไหม้ที่ซอยในชุมชนแห่งหนึ่งนั่นเอง

        อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ไฟไหม้นั้นเกิดขึ้นเมื่อนายทองขับรถชนคนเสียชีวิตแล้วได้ขับรถกลับมาที่ห้องพักของตนเองหลังจากนั้นก็ได้มีการเรียกลูกชายซึ่งอายุเพียงแค่ 4 ขวบเท่านั้นขึ้นมาบนรถแล้วนายทองก็ใช้น้ำมันราดเข้ามาในตัวรถและจุดไฟเผาซึ่งจะเป็นการฆ่าตัวตายทั้งตนเองและลูกแต่บังเอิญว่าหลังจากไฟลุกไม่ได้สักพักเด็กชายวัย 4 ขวบได้เปิดประตูรถลงมาแล้ววิ่งมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

          โดยเด็กชายต้องการให้ชาวบ้านนั้นไปช่วยเหลือพ่อของตนเองที่ถูกไฟเผาไหม้ในขณะเดียวกันเด็กชายวัย 4 ขวบก็ถูกไฟไหม้ร่างกายมีแผลเวอะหวะถลอกรวมถึงมีเลือดไหลตามร่างกายเต็มไปหมดแต่ในขณะเดียวกันหนูน้อยยังมีใจสู้พยายามที่จะลากสายยางเพื่อนำน้ำไปฉีดพ่นดับไฟให้กับผู้เป็นพ่อโดยมีชาวบ้านนั้นให้ความช่วยเหลือพาเด็กชายส่งโรงพยาบาลและบางส่วนก็มาช่วยเหลือนายทองซึ่งถูกไฟไหม้จนสลบ

        อย่างไรก็ตามหลังจากที่เด็กชายถูกส่งตัวเข้าห้อง ICU อยู่ได้ไม่นานช่วงเวลาประมาณ 01:00 น ก็เสียชีวิตลงในขณะที่ผู้เป็นพ่อนั้นยังคงมีอาการสาหัสและยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU   ในขณะเดียวกันเบื้องต้นชาวบ้านให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสาเหตุของการกระทำในครั้งนี้น่าจะเกิดจากความเครียดที่นายทองอาจจะขับรถไปชนคนเสียชีวิตมานอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของหนี้สินและที่สำคัญภรรยาของนายทองได้พาลูกสาวอีกคนหนึ่งเดินทางไปประเทศเมียนมาร์และยังไม่กลับมาซึ่งคาดว่าเหตุผลต่างๆเหล่านี้ทำให้นายทองเครียดจนเกิดการตัดสินใจก่อเหตุสลดในครั้งนี้

 

สนับสนุนโดย    ยู ฟ่า สล็อต อันดับ 1

        ดราม่า รถหรู สวมทะเบียนปลอม  เมื่อวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ 2565 ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งได้โพสต์ผ่านทาง Social Media ประกาศตามหารถหรูยี่ห้อปอร์เช่โดยระบุว่ารถคันดังกล่าวนั้นได้มีการสวมทะเบียนปลอม  

ทั้งนี้เจ้าของโพสต์ ยังได้มีการโพสต์รูปภาพ  รถยนต์หรู ยี่ห้อปอร์เช่ 2 คันซึ่งจะเห็นได้ว่าคันนึงนั้นเป็นคันสีดำส่วนอีกคันนึงนั้นเป็นคันสีเทา   ซึ่งรถหรูทั้ง 2 คันนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นยี่ห้อปอร์เช่เหมือนกันแต่คนละรุ่นซึ่งคันสีดำนั้นจะเป็นรุ่น taycan  ส่วนคันสีเทานั้นจะเป็นรุ่น cayman 

           อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีปัญหาว่ารถอยู่ทั้ง 2 คันนั้นดันใช้ทะเบียนรถที่เหมือนกันนั่นก็คือ  ร ว ย  9999   ดังนั้นจึงสามารถตีความได้ว่าถึงแม้ว่าจะเป็นรถหรูเหมือนกันยี่ห้อเดียวกันแต่มีรถคันใดคันหนึ่งที่สวมทะเบียนจริงในขณะที่อีกคันนึงนั้นสวมทะเบียนปลอมนั่นเองซึ่งทางเจ้าของโพสต์ยืนยันว่ารถของเธอนั้นเป็นรถที่สวมทะเบียนจริงโดยเธอ ระบุว่าทะเบียนรถ   ร ว ย 9999 นั้นมีมูลค่าถึง 18.5 ล้านบาทเลยทีเดียว

              ซึ่งเจ้าของโพสต์ระบุว่าตัวเธอนั้นได้มีการประมูลมาแล้วนำมาใส่รถของตนเอง  ซึ่งรถของเธอนั้นเป็นยี่ห้อปอร์เช่คันสีเทารุ่น  cayman  นอกจากนี้เจ้าของโพสต์ยังได้มีการโพสต์เล่มทะเบียนรถซึ่งมีการระบุเลขที่ทะเบียนรถพร้อมกับระบุยี่ห้อของรถและสีของตัวรถรวมถึงรุ่นของรถที่ใช้เลขทะเบียนเล่มนี้อีกด้วย   นอกจากนี้เจ้าของโพสต์ยังระบุด้วยว่ารถปอร์เช่คันสีดำนั้นมีการสวมทะเบียนปลอม

          ซึ่งเธอต้องการที่จะขอความร่วมมือจากชาวโซเชียลว่าถ้าหากใครพบเห็นรถคันดังกล่าวสามารถส่งเบาะแสมาที่เธอได้เพราะเธอนั้นจะดำเนินเอาผิดตามกฎหมายเนื่องจากว่าเจ้าของรถปอร์เช่คันสีดำนั้นได้มีการทำความผิดกฎหมายในข้อหาปลอมแปลงเอกสารจากทางราชการนอกจากนี้เธอยังหวาดกลัวว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวจะเป็นมิจฉาชีพเอารถไปทำสิ่งผิดกฎหมายซึ่งมันจะส่งผลกระทบมาต่อตัวเธอได้นั่นเอง 

         ภายหลังจากที่หญิงสาวโพสต์ข้อความได้ไม่นานก็มีชาวโซเชียลแห่กันมาให้ข้อมูลรถปอร์เช่รุ่น taycan   คันสีดำที่มีการสวมทะเบียนปลอมกันเยอะแยะมากมายจนทำให้รู้ว่าบ้านเจ้าของรถนั้นอยู่ที่ไหนซึ่งสาวเจ้าของโพสต์ก็ได้มาอัพเดทว่าเธอได้มีการติดตามไปหาเจ้าของรถถึงที่บ้านแต่เจ้าของรถนั้นไหวตัวทันได้หลบหนีออกไปอย่างไรก็ตามเธอประสานงานแจ้งความไว้ที่ สน. บางขุนเทียนแล้วซึ่งเรื่องนี้เธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดและเธอเชื่อว่าอีกไม่นานทางเจ้าหน้าที่ สน. บางขุนเทียนจะสามารถจับกุมเจ้าของรถที่สวมทะเบียนได้อย่างแน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.    ทางเข้า gclub ใหม่

          สำหรับใครที่คนน้ำหนักเยอะหรือว่าเป็นคนอ้วนนั้นย่อมรู้ดีว่าการที่อยากจะผอมและต้องการให้น้ำหนักตัวของเราลดลงมานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ง่ายๆเลยซึ่งหลายคนก็พยายามหาวิธีการที่แตกต่างกันออกไปบางคนเลือกที่จะลดน้ำหนักด้วยการกินยาลดน้ำหนักแต่ก็ไม่สามารถลดน้ำหนักลงมาได้กับอ้วนมากขึ้นกว่าเดิมหรือบางคนนั้นก็มุ่งมั่นหาวิธีการอื่นๆ

ทั้งการควบคุมเรื่องของอาหารการกินและการออกกำลังกายซึ่งวิธีน้ำลดน้ำหนักนั้นมีเยอะแยะมากมาย

          อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนคงรู้ดีว่าการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารนั้นเป็นวิธีการที่ถูกต้องแต่ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก  อย่างไรก็ตามได้มีหญิงสาวรายหนึ่งเธอได้มีการโพสต์แชร์วิธีการลดน้ำหนักของเธอลงแอปติ๊กต๊อก โดยระบุว่าเธอนั้นมีการลดน้ำหนักมาเกือบจะ 2 ปีแล้วและน้ำหนักของเธอนั้นก็ลดลงมาถึง 42 กิโลกรัม

ซึ่งถือว่าหญิงสาวรายนี้ประสบความสำเร็จกับการลดน้ำหนักเป็นอย่างมากเลยทีเดียวดังนั้นเธอจึงได้ออกมาแชร์ประสบการณ์วิธีการลดน้ำหนักของเธอโดยวิธีการลดน้ำหนักของหญิงสาวรายนี้เป็นวิธีการที่ง่ายไม่ยุ่งยากและสามารถลดน้ำหนักได้ในราคาประหยัดมาดูกันว่าหญิงสาวรายนี้เขามีวิธีการลดน้ำหนักอย่างไร 

           สำหรับข้อมูลที่ถูกนำมาใช้อันนี้เป็นหญิงสาวชาวสิงคโปร์เธออายุ 35 ปีน้ำหนักเดิมของเธอนั้นอยู่ที่ 110 กิโลกรัมเธอต้องเพ้อกับปัญหาเรื่องของการเหนื่อยง่ายหายใจลำบากดังนั้นเธอจึงจำเป็นที่จะต้องลงมือลดน้ำหนักแล้วเธอก็ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการลดน้ำหนักซึ่งหญิงสาวรายนี้เธอไม่ต้องการที่จะเข้าฟิตเนสเนื่องจากว่าเธอใช้อุปกรณ์ในห้องฟิตเนสไม่เป็นและที่สำคัญเมื่อเข้าไปในห้องฟิตเนสจะเห็นได้ว่าคนที่เข้าไปออกกำลังกายส่วนใหญ่มีรูปร่างที่ผอมเพียวดังนั้นด้วยน้ำหนัก 110 กิโลกรัมของเธอถ้าเข้าไปในห้องฟิตเนสกลายเป็นว่าเธอเป็นคนที่อ้วนมากที่สุดในห้องดังกล่าวเธอจึงได้เริ่มวิธีการดังต่อไปนี้นั่นก็คือ

           หญิงสาวสิงคโปร์รายนี้นั้นเรื่องที่จะลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารโดยเธอเลือกกินแบบ IF  หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม intermittent fasting  นอกจากนี้เธอยังได้มีการเลือกออกกำลังกายอีกด้วยแต่การออกกำลังกายของเธอนั้นไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใดวิธีการของเธอนั้นเป็นการเดินตามที่สาธารณะหรือโดยรอบหมู่บ้านโดยหญิงสาวรายนี้เลือกเดิน 5 ครั้งต่อสัปดาห์ซึ่งการเดินออกกำลังกายแต่ละครั้งนั้นเธอจะใช้ระยะทางในการเดินประมาณ 6-7 กิโลเมตร  

           อย่างไรก็ตามเธอทำแบบนี้มาเป็นประจำจนในขณะนี้เกือบจะ 2 ปีแล้วน้ำหนักของเธอนั้นลดลงไปถึง 42 กิโลกรัมแล้วซึ่งปัจจุบันจากเดิมที่เคยน้ำหนัก 110 กิโลกรัมก็ลดลงมาเหลือเพียงแค่ 68 กิโลกรัมเท่านั้นและหญิงสาวชาวสิงคโปร์รายนี้ก็ยังคงที่จะยึดมั่นในการลดน้ำหนักต่อไป 

 

สนับสนุนโดย.    สล็อต joker ฝาก-ถอน ไม่มี ขั้นต่ำ

เมื่อวันที่ 8 เดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2565   ตำรวจภูธรภาค 1 ได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีแตงโมโดยมีการระบุว่ามีคนบนเรือให้ข้อมูล

ซึ่งเป็นประโยชน์โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าได้มีการสอบสวนคนบนเรือมาแล้วทั้งหมด 5 คนด้วยกันโดยมีคนพูดทั้งความจริงแล้วก็มีคนที่พูดโกหกอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า 1 ใน 5 คนที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ทขณะที่มีเหตุการณ์แตงโมตกน้ำนั้นได้ยอมรับสารภาพแล้วว่าในขณะที่พากันล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยานั้นนอกจากที่จะดื่มไวน์แล้วยังมีการใช้สารเสพติดร่วมด้วย

         อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่ากำลังหาข้อมูลมาสนับสนุนรวมถึงหาหลักฐานต่างๆมาสนับสนุนว่าคำให้การของหนึ่งในห้าผู้ต้องหาที่ให้การยอมรับสารภาพว่ามีการใช้ยาเสพติดร่วมด้วยนั้นเป็นความจริงหรือไม่นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจากการสอบสวน 1 ใน 5 คนบนเรือนั้นมีคนนึงที่พูดโกหกทุกครั้งที่มีการถูกเรียกตัวมาสอบสวน 

         จากคำให้การของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่านับตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 เดือนมีนาคมปีพ.ศ 2555 เป็นต้นมาก็มีการเรียกผู้ต้องหารวมถึงเรียกสอบพยานบุคคลต่างๆซึ่งมีการเรียกสอบผ่านไปถึง 2 รอบแล้วโดยแต่ละรอบนั้นก็มีการให้การที่ไม่ค่อยจะตรงกับรอบแรกสักเท่าไหร่

ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเก็บสำนวนและรวบรวมสำนวนคดีได้ประมาณเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์แล้วซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานนั้นจะสามารถดำเนินคดีส่งเรื่องขึ้นศาลได้นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าคนที่จะถูกแจ้งข้อหาแล้วส่งขึ้นศาลนั้นจะไม่ใช่เพียงแค่คนคนเดียวแต่อาจจะมีหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถูกแจ้งความดำเนินคดี

         นอกจากนี้ข่าวลือเกี่ยวกับมีคนบนเรือได้มีการโทรหานักการเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือนั้นจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องสงสัยในคดีการเสียชีวิตของแตงโมทั้ง 5 คนนั้นปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเช็คเกี่ยวกับเรื่องของสัญญาณโทรศัพท์มือถือสัญญาณการโทรออกว่ามีการติดต่อหาใครบ้างเพราะว่าโทรศัพท์มือถือของนายปนั้นมีการโทรออกไปจริงแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลกับประชาชนในขณะนี้ได้ว่ามีการโทรออกไปหานักการเมืองชื่ออะไรหรือโทรไปโทรออกไปหาใคร

         สำหรับประเด็นที่ประชาชนหลายคนสงสัยว่าเหตุการณ์ตกน้ำของแตงโมในครั้งนี้แตงโมอาจจะถูกหลอกเพื่อให้ไปทำการเอนเตอร์เทนลูกค้าบนเรือโดยที่แตงโมไม่รู้ล่วงหน้าเมื่อรู้เรื่องก็ทำให้แตงโมไม่พอใจและเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันเกิดขึ้นบนเรือจนทำให้เกิดเป็นการฆ่าแต่งโมปิดปากนั้นในกรณีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าข้อสันนิษฐานของชาวโซเชียลหรือคนในสังคมนั้นเป็นเรื่องจริงสำหรับคดีของแตงโมนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้และไม่เอาความรู้สึกมาเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องของการตัดสินคดีอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย.  ufabet